• Welcome to เว็ปไซด์เพื่อพวกเราชาวไก่ชน -ชุมชนคนรักษ์ไก่. Please log in or sign up.
ท่านใดต้องการโฆษณาตำแหน่งนี้ จะเป็นการลิงค์ไปเพจเฟสบุ๊คของท่านหรือลิงค์ไปเว็ปไซด์ตนเอง-หรือไปยังสินค้าของท่านตามตัวอย่างนี้ ค่าบริการ2400/ปีเท่านั้น(เฉลี่ยเดือนละ200) สนใจติดต่อ-0926696542

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Messages - admin2706

#1
การคัดไก่ที่จะนำมาเลี้ยง
การดูชั้นเชิง
ในอดีตไม่ค่อยพิถีพิถันกับเชิงไก่มากนัก ผู้ชำนาญในการเล่นไก่มักจะพูดว่าหากไก่ยืนดินแน่นๆจะตีแม่นและแรง ปัจจุบันก็มักจะได้ยินนักเลงไก่พูดเหมือนกัน ส่วนใหญ่มักจะเป็นนักเล่นไก่หัวโบราณ พวกยึดติดกับของเดิม ชาตินิยม ไม่ยอมรับของผู้อื่น กลัวเสียเหลี่ยมนักเลง จึงมักจะซอยเท้าอยู่กับที่ เชิงไก่ในอดีตแบ่งเป็น 3 ประเภทกว้างๆ คือ
1. ไก่ตั้ง หรือไก่ยืน ยังแบ่งออกเป็น
- ยืนเกี่ยว 2 หน้า ชอบตีหัว หน้าคอ ตุ้ม หน้าหงอน ดีมาก
- ยืนชอบหน้าหงอน ดี
- ยืนชอบหน้าคอ ดี ถ้าลำไม่โตก็ไม่ได้เรื่อง
- ยืนเป็นไม่ได้เรื่อง
2. ไก่ลง จะต้องเป็นไก่แข็ง และลำโตจึงจะใช้ได้ ขนหัวไม่ร่วง
3. ไก่พานขึ้น - พานลง ก็มีให้เห็นเก่งเยอะ ขึ้นอยู่กับความเฉลียวฉลาดและลำหัก ลำโค่นของไก่ด้วย
สรุป ไก่เก่งได้ทุกเชิง ขึ้นอยู่กับลำหักลำโค่น ความฉลาด ความแข็งแรง การแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า แต่ไก่เชิงดีจะเล่นได้นาน และออกตัวได้ดีกว่าไก่เชิงไม่ดี
เชิงไก่ปัจจุบัน
เชิงชนไก่ (ไม่รวมลูกตี) แบ่งเป็น 3 ประเภทกว้างๆ

1. สองคอ (ขี่อย่างเดียว) ดี
2. สองคอ สองปีก (กอด มัด) ดีมาก
3. สองคอ สองปีก สองขา (ขี่ มัด ลง) ดีที่สุด
1. เชิงชน 2 คอ
ในไก่เชิงที่ดีจะต้องเป็นไก่เดินเร็ว (กอด กด ขี่ บด ขยี้ ล็อก มัด เท้าบ่า ม้าล่อ ลงจิกขาลอดทะลุหาง) ไก่ 2 คอเป็นไก่ เชิงบนจัด กอด กด ขี่ ซ้าย-ขวา คออ่อน เหนียวแน่น ถ้าได้เชิงดีจะชนะไก่ได้ไว ยิ่งเจอคู่ต่อสู้ยืนพิงแปะหน้า ยืนดินแน่น ขาไม่เดิน เดินช้า จะเสียเหลี่ยมหงายไพ่ตัวเอง เพราะเดินไม่ทัน ชนะไว ไก่เชิง 2 คอเก่งๆจะต้องกอด กด ขี่ เหนียวแน่น เอาอกทับไหล่คู่ต่อสู้ หัวกดไปที่กลางหลัง โคนคอ ขาเดินไวแน่น เพื่อเข้าท้าย-หลังคู่ต่อสู้ คอจะต้องอ่อน คีบประคองคู่ต่อสู้เหนียวแน่น ค่อยๆรูดจากโคนคอ-กลางคอ-หูนอก-และหัวเรียกว่า หนุไต่ราว ยิ่งถ้าสูงกว่าคู่ต่อสู้ด้วยแล้ว ชนะไว
ข้อเสีย ไก่กอด กด ขี่ ถ้าพบคู่ต่อสู้เชิงเดียวกัน ตีเจ็บพอกัน เกิดเสียเปรียบคู่ต่อสู้ (ต่ำกว่า เล็กกว่า) ถ้าเป็นไก่ 2 คอแท้จะไม่ยอมไก่ จะคัด-บิดคอคู่ต่อสู้ตลอด ถึงแม้จะเพลี่ยงพล้ำก็ไม่ยอมหลบเข้าปีก เมื่อเดินไม่ทันก็จะขวางคู่ต่อสู้ (เป็นไก่ท่องให้ตีเสี่ยงเหมือนกัน)
2. เชิง 2 คอ 2 ปีก
เป็นไก่ที่พัฒนามาจากข้อ 1 ในไก่เก่งจะมีเชิงนี้เยอะ (บน 50 ปีก 50) ไก่เชิง 2 คอ 2 ปีกจะเป็นไก่ฉลาด มีลูกหากินเยอะ นอกจากมีลูกกอด กด ขี่ที่ดีแล้ว ในกรณีเพลี่ยงพล้ำคู่ต่อสู้จะเปลี่ยนกระบวนท่าเชิงบนเป็นไก่เชิงล่างเข้ามุดล็อก มัดปีก ในกรณีที่เดินไม่ทันจะมุดหลบเข้าปีก ทำเชิงมัดรัดปีก หรือเสียเปรียบคู่ต่อสู้ สู้เชิงบน กอด กด ขี่จะสู้ไม่ได้ จะเดินไม่ทัน จะมีลูกแก้ไขเล่นเชิงมัดรัดปีกเข้าสู้ เมื่อคู่ต่อสู้อ่อนล้าจึงเล่นเชิงบน กอด กด ขี่ บดบี้ ขยี้ซ้ำ ถ้าตีเจ็บพอกัน ไม่เสียเปรียบรูปร่างชนะ 80%
3. เชิง 2 คอ 2 ปีก 2 ขา
เป็นเชิงไก่ที่พัฒนามาจากข้อ 1และข้อ 2 เป็นไก่เก่ง เจอไก่เก่งตัวใดมีอาวุธหลากหลายกว่าย่อมได้เปรียบ เรียกว่า 50/50 หากตัวใดมีหมัดหนักอีกต่างหากย่อมได้เปรียบ เชิงลงลอดทะลุขาก็เป็นลูกแก้ไขและสำคัญอีกลูกหนึ่ง ทำให้คู่ต่อสู้ขาอ่อนและหมดแรง ลูกยกดั๊มเท ลูกไถนา ลงลอดขา และบิดคอซ้าย-ขวาโดยเร็วขาคู่ต่อสู้จะอยู่บนหลัง ถ้าไถนาบ่อยๆคู่ต่อสู้จะขาอ่อน หมดแรงไว จาก 1-3 จะต้องเป็นไก่เดินเร็ว หากเดินช้า ความเก่งจะน้อยลง
 ไก่ขี่ (เดินไว) 5 SPEED (2 คอ) มี 3 ประเภท
1.1 ขี่ เดินใน หัวตั้งตรง 90 องศา (กอด เกี่ยว) ดี หลุดง่าย
ไก่ขี่เดินในเหนียวแน่น กอด เกี่ยว หัวตั้งตรง 90 องศา ถ้าเป็นไก่ปากไว ปากถึง-ตีนถึง จะเก่งชนะได้ไว ถ้าเจอไก่ยืนหรือเกาะเกี่ยวเชิงเดียวกัน ถ้าเจอพม่าก็เจ็บ ถ้าไม่มีลูกหน้าก็จะลำบากเพราะเกาะเกี่ยวหัวสูงจะหลุดง่าย หรือเจอไก่ 2 ปีกจัดๆ ตีหลังตีสวาปแรงจะลำบาก ปลายน้ำแผ่วมีสิทธิ์ถูกล็อก ถูกมัดเป็นไก่โง่เซ่อได้ง่าย เว้นเสียแต่บังคับไม่ให้คู่ต่อสู้เข้าปีกมีลูกหน้าและลูกทุบหลัง ไก่ล็อกมัดเข้าปีกทุบหลังบ่อยๆก็แย่เหมือนกัน ไก่ทุบหลังจัดๆ (ตีเจ็บ) อันหนึ่งขอทุบเพียง 3 ทีก็เหลือเฟือจะชนะ ลูกทุบหลังเป็นลูกที่เซียนไก่กลัว โดนแล้วยุบฟื้นตัวยาก
1.2 ขี่ หัวลึก หัวเฉียง 45 องศา (กอดโคนคอ) ดีมาก
ไก่ขี่หัวลึก หัวเฉียง 45 องศา ปากไว กอด กด ขี่ เหนียวแน่น หัวลึก เชิงชนดูจะปลอดภัยกว่าไก่เชิงขี่ใน กอด เกี่ยว แต่ก็ชนะได้ช้ากว่าเชิงกอด เกี่ยวหัวสูง ไก่ขี่หัวลึกจะได้ทำเชิงรูดโคนคอ เอี้ยวมาหาหูนอกหรือหัว ทำเชิงกระบวนเพลง หนูไต่ราว เด็ดผักบุ้ง ต้องทำเชิงแต่งตัวช้ากว่าจะตีได้ แต่ก็ปลอดภัยกว่าเมื่อเจอพม่า เจอไก่ปีก มุด มัด ก็ 50/50 เจอไก่เดินใน กอด เกี่ยว ก็เสี่ยงเพราะจะตีได้ช้ากว่า ยกเว้นหากมีลูกทีเด็ด ตีลำหักลำโค่นกว่า ลูกเชิงเสียเปรียบต้องวัดกันที่ลูกตี
1.3 ขี่ ล็อก กดโคนคอ-หัว
ขี่ล็อกกดโคนคอรูดมาหาหัว ทำเชิงหนูไต่ราว เด็ดผักบุ้ง ดีที่สุดในกระบวนไก่เชิงขี่ 2 คอ เจอพม่าก็ปลอดภัย กดพม่า พม่าจะยุบจะถอยก็ไม่หลุด เพราะกดโคนคอ พม่าเจอล็อกก็อ่อนใจ เจอไก่ขี่ด้วยกันจะได้เปรียบเชิง ถ้าตีเจ็บพอกันจะได้เปรียบ เว้นเสียแต่ตีเจ็บปวดกว่ากันมาก เชิงดีกว่าก็จะสู้ไม่ได้
ไก่ขี่ดี จะต้องถนัดทั้งซ้าย-ขวา กอดเหนียวแน่น ถ้ารูปร่างไม่เสียเปรียบ ไหล่เท่ากัน ยากที่คู่ต่อสู้จะตีหัวได้ ตรงกันข้ามจะพยายามจับตีคู่ต่อสู้จนได้ ไก่ขี่ดีเหมือนจ๊อกกี้ขี่ม้า ขี่ไม่ดีเหมือนขี่วัวขี่ควาย
เดินหลายจังหวะ ไก่ฉลาดเดินดี มันจะประคองหัวคู่ต่อสู้ตลอดเวลา เรียก "กอดประคอง" คู่ต่อสู้เดินช้ามันก็จะเดินช้า เดินแบบระมัดระวัง คู่ต่อสู้เดินไวมันก็จะเดินไวด้วย เดินอย่างไรก็ได้ให้อยู่ด้านหลังคู่ต่อสู้ บางตัวขี่ส่งเดช(วิ่ง) เดินไวตลอด ทำให้หลุดได้ง่าย เรียกว่าเดินจังหวะเดียว ทำให้พลาดง่าย เมื่อถูกตีจะลนลาน เจอพม่าแพ้ลูกเดียว ลูกแก้ไขในไก่ขี่ถ้าเจอคู่ต่อสู้ในเชิงเดียวกัน รูปร่างพอกัน ลูกตีพอกัน ตัวไหนฉลาดกว่า มีลูกแก้ไขที่ดีกว่าก็จะได้เปรียบคู่ต่อสู้ ลูกแก้ไขมีหลายอย่าง เช่น พอเดินไม่ทันก็จะต้อง
1. กดบ่าตีตัว
2. หลบเข้าปีก มัดตี สวาปทุบหลัง
3. ลงทะลุท้อง เข้าขาโผล่ตูด ตีสวาปหลัง
2. ไก่เชิงมัด(2 ปีก) มี 3 แบบ
1.1 มัดโคนปีก ดีที่สุด
1.2 มัด 7 เส้น ดีมาก
1.3 มัดปลายปีก ดี
ไก่เชิงมัดจะต้องเป็นไก่เดินเร็วจึงจะดี ถ้าเดินช้าความเก่งจะน้อยลง ในกรณีเจอคู่ต่อสู้เดินเร็วกว่าจะมัดลำบาก นอกจากเดินไวแล้วปากจะต้องไวด้วย ถ้าเป็นไก่ลำโตยิ่งเก่งมาก ไก่มัดดีจะต้องเดินหัวใน หัวไวหลบเข้าปีกซ้าย-ขวาได้คล่องแคล่ว โดยคู่ต่อสู้ไม่รู้ตัวจะได้เปรียบอยู่ข้างหลังคู่ต่อสู้ตลอดเวลาจะเป็นตัวตีตลอดแพ้ยาก (ตีสวาป ทุบหลังจะเก่งมาก)
มัดฉลาด ไก่ที่มัดเก่งๆคล้ายมวยตีเข่า เมื่อรัดเอวคู่ต่อสู้แล้วยากที่จะหลุด ไก่ก็เหมือนกันคู่ต่อสู้ดิ้นหลุดยาก ไก่ที่มัดเก่งๆเมื่อหัวเข้าปีกจะรีบบิดคอซ้าย-ขวาโดยเร็ว แล้วเอาอกดันสีข้างคู่ต่อสู้เอาหลังไหล่ดันกระทุ้งปีกโดยเร็ว คู่ต่อสู้ไม่มีทางดิ้นหลุด ถูกมัด ถูกตีบ่อยๆคู่ต่อสู้จะอ่อนลงเรื่อยๆ ส่วนมากไก่มัดจะตีสีข้าง ปั้นขา หลัง ไก่มัดจะหมดความเก่งทันทีถ้าไม่สามารถตีคู่ต่อสู้ได้ ไก่มัดปัจจุบันเรียกว่า ไก่ 2 ปีก(คือ มัดปีกซ้าย-ขวา)
3. ไก่ลง (2 ขา) ลอดทะลุหาง แบ่งเป็น 3 ประเภท
3.1 ลงทะลุหาง พอใช้
3.2 ลงงัด(ดั้ม) ดี-ดีมาก
3.3 ลงฉีกขา (ไถนา) ดีที่สุด(หายาก)
ไก่ลง ไก่เก่งขนหัวจะต้องไม่ร่วง จะดูไม่ออกว่าเป็นไก่ลง มุดเข้าท้องเร็ว คู่ต่อสู้ไม่รู้ตัว รีบกลับตัวเร็ว ไก่ไถนาเก่งๆเวลามุดเข้าท้อง พอหัวทะลุขาไหล่จะอยู่ระหว่างขาไก่ตัวยืน มันจะรีบบิดคอซ้าย-ขวาพร้อมกับยกตัวไก่ตัวที่ยืนจะเสียหลัก จะเดินโขยกเขยกขาเดียว เนื่องจากขาอีกข้างหนึ่งจะอยู่บนหลังคู่ต่อสู้ ภาษามวยเรียกว่า ลูกไถนา คู่ต่อสู้จะหมดแรง ยิ่งถูกไถนานานจะยิ่งหมดแรงไว บางตัวไถนาน 2-3 นาทีกว่าจะหลุด ไก่ไถนาจะตีตูด ตีหลัง หายากมากในปัจจุบันหาได้ยากกว่าไก่เชิงม้าล่อ(ม้าเลาะ)
ไก่เชิงพม่า
1. ถอยแล้วสาด ลักษณะของชั้นเชิงชนในแบบนี้ก็คือ การก้าวถอยหลังรอให้คู่ต่อสู้เดินเข้ามา เมื่อได้จังหวะก็จะสาดแข้งเปล่าเข้าใส่โดยไม่ต้องจับ วิ่งการสาดแข้งเปล่าในลักษณะนี้ จะสร้างความกังวลให้กับคู่ต่อสู้เป็นอย่างมาก ยิ่งโดยเฉพาะไก่ที่กอดเก่งๆ เมื่อมาเจอลีลาถอยแล้วสาดอย่างนี้ยิ่งสร้างความกังวลให้อย่างมาก ลีลาก้มถอยแล้วสาดนี้นับเป็นลีลาเชิงชนสุดยอดที่เซียนไก่พม่ามักนิยมกันอย่างแพร่หลาย และพยายามอย่างยิ่งที่จะหาพม่าเชิงนี้มาครอบครอง เพราะถือว่าเป็นเชิงชนที่เยี่ยมยอดที่สุดของไก่พม่า
2. เดินแล้วสาด ในเชิงนี้จะเป็นลักษณะการก้าวเดินไปข้างหน้าพร้อมๆกับการหาจังหวะในการสาดแข้งเปล่าใส่คู่ต่อสู้โดยไม่ต้องจับ ซึ่งในเชิงนี้ค่อนข้างจะเสี่ยงกว่าเชิงแรกมาก เนื่องจากการเข้าปะทะหน้าตรงๆนั้น หากไปเจอคู่ต่อสู้ที่มีลูกสาดนำ รวมทั้งมีแข้งเปล่า และเป็นลูกผ่านพม่าที่สะสมเชิงถอยสาดเอาไว้ก็จะเจ็บตัวกับอาวุธของคู่ต่อสู้ได้ไม่น้อยทีเดียว
การก้าวเดินหน้าแล้วสาดแข้งเปล่า ผลแพ้ชนะจะออกมาอย่างไรขึ้นอยู่กับคู่ต่อสู้ด้วยเช่นกัน ในทัศนะของเซียน ไก่พม่าตัวที่เดินเข้าหามักจะเป็นฝ่ายแพ้เสียส่วนใหญ่ ลีลาเดินหน้าแล้วสาดแข้งหากจะให้ดีควรที่จะเสริมลีลาก้มต่ำแล้วส่ายหัวไปมาเข้าไปด้วย เพราะการก้มต่ำนั้นเปรียบเสมือนการซ่อนจุดเปราะบริเวณคอและหน้าเอาไว้ให้ต่ำลง รวมทั้งยังสามารถหลบหลีกได้ในบางจังหวะอีกด้วย
3. ลงต่ำแล้วสาด สำหรับเชิงชนนี้จะยืนนิ่งๆอยู่กับที่เพื่อหาจังหวะสาดแข้งใส่คู่ต่อสู้ ไก่พม่าที่มีชั้นเชิงการยืนนิ่งๆ มักจะเป็นไก่ที่ชอบใช้จังหวะสองได้ดี หากคู่ต่อสู้เข้าหลวมและเสียจังหวะเมื่อไหร่ เจ้าพม่าจะไม่ปล่อยให้พลาดจังหวะอย่างเด็ดขาด มันจะสาดแข้งคมๆเข้าใส่คู่ต่อสู้อย่างไม่ยั้งทีเดียว
4. ถอด เชิงนี้เป็นอีกเชิงหนึ่งที่ดุเดือดเผ็ดมัน เพราะเชิงถอดนี้จะเป็นเชิงที่เมื่อถูกขี่หรือกดคอแล้วไก่พม่าจะถอดชักหัวหรืชักลิ่มออกมาทำให้คู่ต่อสู้หลุดถลำลงต่ำ และในจังหวะนี้เอง ไก่พม่าก็จะจับในระยะกระชั้นชิดพร้อมกับสาดแข้งใส่อย่างดุดัน ซึ่งลีลาการชักลิ่มเป็นการพลิกสถานการณ์ที่รวดเร็วจากการที่โดนกดคุมคออยู่ มาเป็นการชักคอออกแล้วจับหูนอกโดยที่คู่ต่อสู้ไม่ทันระวังตัว
ลีลาการถอด(ชักลิ่ม)แล้วจับหูนอกตีนี้ บางครั้งอาจจะได้พบไก่พม่าบางตัวเข้ากอดและเข้าปีกมัดเป็นเหมือนกัน นั่นเท่ากับลบล้างความเชื่อที่ว่าไก่พม่ามัดไม่เป็น แต่อย่างไรก็ตามน้ำหนักในเชิงนี้ไม่ค่อยจะหนักหน่วงหรือเห็นผลเร็วนัก เนื่องจากจะเป็นการตีในลักษณะหันข้างเสียมากกว่า
5. ม้าล่อ ในเชิงนี้เป็นเชิงพม่าม้าล่อโดยจะวิ่งวนไปรอบๆสังเวียนเพื่อให้คู่ต่อสู้วิ่งตาม จนเมื่อได้ระยะและได้จังหวะแล้วก็จะหันกลับมาสาดแข้งใส่คู่ต่อสู้ จากนั้นก็จะวิ่งต่อ หรือถ้าหันกลับมาสาดแล้วดูท่าทางคู่ต่อสู้มีอาการ ก็จะพันตูต่อกรเพื่อพิชิตศึกทันที ลีลาม้าล่อนี้หากตีคู่ต่อสู้ไม่อยู่ในยกต้นๆจึงมักจะพ่ายแพ้ในยกท้ายๆเสมอ
สำหรับเซียนไก่ที่ต้องการนำไก่ชนของไทยเข้าชนกับไก่พม่านั้น การอ่านเชิงพม่าให้ขาดนั้นเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง เพราะจะช่วยในการตัดสินใจได้ง่ายขึ้น ในทุกครั้งที่ทำการเปรียบไก่ คู่ต่อสู้มักจะยอมให้เราจับตัวไก่ได้ และในขณะที่คู่ต่อสู้เผลอนั้น เราสามารถจะทดสอบได้ว่าพม่าตัวนั้นๆเป็นไก่เชิงอะไร คือหลังจากที่จับตัวไก่จนพอใจแล้ว ให้ปล่อยไก่พม่ายืนอย่างสบายๆโดยให้หันหน้าเข้าหาเราแล้วหันท้ายเข้าหาเจ้าของ(กันเจ้าของสังเกตเห็น) จากนั้นก็จับไปที่ลำคอส่วนล่างไกล้ๆสามเหลี่ยมของไก่แล้วบีบเบาๆอย่าให้ไก่เจ็บจนตื่น ไก่พม่าเป็นไก่ที่มี สัญชาตญาณป่าค่อนข้างสูง เมื่อเราบีบที่ลำคอเขา เขาจะแสดงธรรมชาติของเขาออกมาทันทีว่าเป็นไก่เชิงไหน โดยสังเกตได้จากอาการที่เขาแสดงออกดังนี้
1. หากเราบีบแล้ว เขาดึงตัวถอยหลัง แสดงว่าเป็นไก่เชิงถอย
2. หากเราบีบแล้ว เขาหดคอลงแต่ไม่ถอย แสดงว่าเป็นไก่ยืนแล้วสาดจังหวะสอง
3. หากเราบีบแล้ว เขาดึงคอกลับและเบี่ยงตัวออกด้านข้าง แสดงว่าเป็นไก่ถอดหัวดี
4. หากเราบีบแล้ว เขาเสือกหัวขึ้นมา แสดงว่าเป็นไก่กอดเชิงบน
5. หากเราบีบแล้ว เขาขืนตัวดันไปข้างหน้า แสดงว่าเป็นไก่ชอบเดินเข้าหา
ข้อดีข้อเสียไก่ไซง่อน
ข้อดี
1. กระดูกใหญ่ กระดูกแข็งแรง จึงมีไขกระดูกมากและไขกระดูกคือปอดสำรองช่วยหายใจ การส่งกำลังสำรองภายในร่างกายดีมาก จึงมีความอึด ยืดระยะ เมื่อหมดยกอาจดูเพลียๆบ้าง แต่เมื่อให้น้ำแล้วพละกำลังจะกลับคืนสู่สภาพเดิมเร็วมาก ไก่จะดูสดชื่นฟื้นตัวเร็วและหากเบียดสูสีมักจะเป็นตัวชนะมากกว่า
2. กล้ามเนื้อแข็งแรงมาก เนื้อแน่น กระดูกและเส้นเอ็นดีมาก ซึ่งถ้าเปรียบไก่ตีกันโดยวัดรอบอกแบบไทย ไก่ไซง่อนจะได้เปรียบ เพราะมันจะมีน้ำหนักตัวมากกว่าไก่ไทย
3. ปอดและระบบหมุนเวียนเลือด รวมทั้งหัวใจดีมากมันจึงออกกำลังกายได้นานๆ และฟื้นตัวจากการตีเร็วมาก หายเหนื่อยเร็ว ถ้าเลี้ยงได้ที่แล้วในระหว่างที่ตีกันมันจะไม่อ้าปากหอบ เนื่องจากมีสภาพของอวัยวะภายนอกและภายในดีมาก จึงแข็งแรงเร็วเลี้ยงไม่นานก็นำไปตีได้
4. ปากใหญ่ หนา แข็งแรง ประกอบกับกล้ามเนื้อที่แข็งแรง ดังนั้นเมื่อมันจิกจึงทำให้เกิดบาดแผลที่หนังของคู่ต่อสู้ได้มากกว่า ทำให้ได้เปรียบคู่ต่อสู้ตั้งแต่ต้นเพราะปากจะต้องใช้จับตี หากปากเหนียว ปากทนจะได้เปรียบคู่ต่อสู้มาก
5. หนังหนา หนังเหนียวเปิดแผลยาก ตีให้ฉีกขาดหรือแตกได้ยาก ถูกตีหัวมากๆหัวจะไม่ค่อยบวมด้านหัวไม่ค่อยแตก เมื่อให้น้ำและติดกระเบื้องแล้วหนังหัวเกือบเหมือนเป็นปกติ และในการเลี้ยงไม่ต้องอาบขมิ้นผสมปูนบ่อยครั้ง เพราะหากอาบบ่อยครั้ง จะทำให้ขนเปราะหักง่าย และทำให้ไก่มีขนโรยเร็ว ถ่ายขนเร็ว ทำให้การเลี้ยงชนสั้นลง การมีหนังหนานั้นได้เปรียบมากหากกติกาเป็นแบบพันเดือย หรือสวมนวมเดือยส่วนมากมีความทรหดสูงมาก แต่จะต้องมีการคัดพันธุ์ด้วย เพราะไก่ไซง่อนบางเหล่าก็จะใจเสาะ ไม่แตกต่างจากไก่ชนสายพันธุ์อื่นเช่นกัน
6. ตีลำหนัก ลำโตและเจ็บปวด ฝังลึกกว่าสายพันธุ์อื่น เมื่อตีเป้าหนาปล่อยแข้งแรงมาก การตีแต่ละครั้งของมันจึงทำให้คู่ต่อสู้เจ็บลึกๆได้มาก ตีไก่ฝังแข้ง ตีไก่หยุดชะงัก ตีไก่ปวด ตีไก่กลัว เช่น ตีตัว เป็นต้น ทั้งนี้เพราะไก่ไซง่อนกระดูกใหญ่แข็งและแข็งแรง โค่นยากจะได้เปรียบคู่ต่อสู้มากหากชนภายใต้กติกาพันเดือยหรือสวมเดือย
7. มีขนาดใหญ่ปานกลางถึงใหญ่ แต่ไม่ใหญ่มากเกินไป จึงเป็นพันธุ์ที่เหมาะในการเป็นพันธุ์ยืนในการผสมพันธุ์ เพื่อสร้างพันธุ์ใหม่
8. มีความอดทนเป็นเลิศ ไม่กลัวไก่ โดนตีเจ็บแค่ไหนก็จะวิ่งเข้าใส่
ข้อเสีย
1. ส่วนมากเชื่องช้าเนื่องจากกระดูกใหญ่ ตัวใหญ่ วิธีแก้ก็คือ นำไปผสมพันธุ์กับไก่ที่ปากเร็ว เท้าเร็ว และการเคลื่อนตัวเร็ว แต่ไก่ไซง่อนบางเหล่าถ้าหากคัดพันธุ์ดีดีแล้วก็จะมีพวกปากเร็วและเท้าเร็วก็มี สาดเท้าเปล่าก็มี
2. ส่วนมากเชิงไม่มาก เป็นไก่ไม่สู้คอ ส่วนมากแล้วเมื่อถูกเบียดดัน ถูกเลี้ยวคอบังคับถูกคอถูกขี่ มันจะวิ่งท่องมักจะก้มหัว วิ่งเลาะอยู่ประมาณใต้กระเพาะมักจะยืนหัวสูง หรือบางเหล่ามักโชยหัว วิธีแก้ก็คือ คัดเหล่าที่ยืนหัวสูงไปผสมกับไก่พันธุ์อื่นที่มีชั้นเชิงดีและปากเร็ว เท้าเร็วจะได้พันธุ์ใหม่ที่ดีขึ้น
3. ส่วนมากขนน้อยโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงอายุไม่เกิน 4 เดือนขนจะขึ้นช้า ทำให้แพ้ฝน แพ้ลม แพ้ยุง และการแพ้อากาศเปลี่ยนแปลงได้ง่ายๆ เช่น เป็นหวัดง่าย วิธีแก้ไข คือให้หลอดไฟ เลี้ยงในบริเวณลมไม่โกรก มีแดดร่ม พื้นดินแห้งและมีหลังคากำบังน้ำฝนมากกว่าหลังคาโล่ง กางมุ้งให้ ให้อากาศดีสม่ำเสมอ มีหญ้ากินเพียงพอ และผสมวิตามินรวม วิตามินอี และวิตามีนซีในอาหารและในน้ำให้กินบ่อยๆ นำไปผสมพันธุ์กับไก่ที่มีปีกขนตัวดีจะไดลูกผสมที่มีขนดีขึ้น
4. ได้คู่ชนยาก เพราะรูปร่าง หน้าตาน่ากลัว แข้งใหญ่และแข็งแรง และหนังหนาสีแดง ทำให้เจ้าของไก่คู่ต่อสู้ไม่อยากชนด้วย หากจะชนก็ต้องเปรียบหรือต่อรองน้ำหนัก การนำไปผสมพันธุ์กับสายพันธุ์อื่นจะช่วยซ่อนความน่ากลัวเหล่านี้ได้
5. เปรียว ไก่ไซง่อนเป็นไก่ที่เปรียว ไม่ยอมให้จับง่ายๆ เลี้ยงจนจะออกตีได้อยู่แล้วก็ยังเปรียวอยู่ แต่ลดน้อยลง
6. เดือยไม่ส่ง คือเดือยงอกช้า ยาวช้า กระดูกแกนเดือยเล็ก แต่เปลือกเดือยหนาและแข็งแรง

   
#2
ตำนานและประวัติไก่ชนกับพระนเรศวร
การตีไก่ เป็นที่นิยมกันอย่างกว้างขวางในพม่า โดยเฉพาะในราชสำนักถือกันว่า การตีไก่เป็นกีฬาชาววังวันหนึ่งได้มีการตีไก่กันขึ้นระหว่างสมเด็จพระนเรศวรมหาราชกับไก่มังชัยสิงห์ราชนัดดา(ต่อมาได้รับสถาปนาขึ้นเป็นพระมหาอุปราชาในสมัยพระเจ้านันทบุเรง ราชโอรสพระเจ้าบุเรงนอง กำลังกร่ำศึก) มังชัยสิงห์จึงขัดเคืองตรัสประชดประชันหยามหยันออกมาอย่างผู้ถือดีว่ามีอำนาจเหนือกว่า "ไก่เชลยตัวนี้เก่งจริงหนอ" สมเด็จพระนเรศวรสวรจึงตรัสโต้ตอบเป็นเชิงท้าอยู่ในทีว่า ไก่เชลยตัวนี้ อย่าว่าแต่จะตีกันอย่างกีฬาในวังเหมือนอย่างวันนี้เลย ตีพนันบ้านเมืองกันก็ยังได้มังชัยสิงห์คัดเคืองมากหากแต่ตระหนักดีว่าสมเด็จพระนเรศวร เป็นที่โปรดปรานของพระเจ้าบุเรงนองจะพาลวิวาทก็ยำเกรงฝีมือพระนเรศวรขณะที่ไก่ของสมเด็จพระนเรศวรกับไก่ของพระมหาอุปราชาแห่งกรุงหงสาวดี กำลังชนกันอย่างทรหด ต่างตัวต่างเข้าจิก ตีฟาดแข้ง แทงเดือยอย่างไม่ลดละ อย่างคาดไม่ถึง ขณะที่ไก่ฟาดแข้งกันอย่างอุตลุดพัลวันเมื่อทั้งสองไก่พัวพันกันอยู่พักหนึ่ง ไก่ของพระมหาอุปราชก็มีอันล้มกลิ้งไปต่อหน้าต่อตา ไก่ของพระนเรศวรกระพือปีกอย่าง ทรนงและขันเสียงใสพระมหาอุปราชถึงกับสะอึก สะกดพระทัยไว้ไม่ได้จากตำราเชื่อว่าไก่ที่พระนเรศวรทรงนำไปชนกับพม่านั้น นำไปจากบ้านกร่าง เดิมเรียกว่าบ้านหัวเท ซึ้งอยู่ห่างจากเมืองพิษณุโลกไปทางทิศตะวันตก ประมาณ 9 กิโลเมตร ขณะที่ชนไก่ พ.ศ. 2121 พระชันษา 23 ปี
ลักษณะทั่วไปของไก่ชนพระนเรศวร
เป็นพันธุ์ที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันมากที่สุดคือ พันธุ์เหลืองหางขาว ตามตำรากล่าวว่า ไก่เหลืองหางขาวไก่เจ้าเลี้ยง ในทุกพื้นที่ที่มีการเล่นไก่ชน ไก่เหลืองหางขาวมักจะเป็นตัวเอกทุกๆสังเวียนอยู่เสมอ หรือแทบจะเรียกได้ว่าไก่พันธุ์นี้อยู่ในความครอบครองของนักเลงไก่อยู่เสมอ ไก่เหลืองหางขาวจัดว่าเป็นไก่ที่มีสกุลและมีลักษณะเด่นมาก จากประวัติฝีมือความสามารถ ทำให้มีการพูดเสมอในวงพนันว่า ไก่เหลืองหางขาวกินเหล้าเชื่อ หมายความว่าเมื่อนำไก่สีนี้ไปตี สามารถที่จะเชื่อมั่นได้ว่าจะต้องเป็นฝ่ายชนะอย่างแน่นอนสามารถสั่งเหล้าเงินเชื่อมากินก่อนได้เลย
ไก่เหลืองหางขาวที่มีลักษณะตรงตามตำรา
หน้าหงอนบาง กลางหงอนสูง สร้อยระย้า หน้านกยูง อกชัน หวั้นชิด หงอนบิด ปากร่อง พัดเจ็ด ปีกสิบเอ็ด เกล็ดยี่สิบสอง ถือเป็นไก่ชั้นเยี่ยม

อกชัน คือ ยืนยืดอกหรือเชิดอก อันจะทำให้ด้านท้ายของตัวลาดลงต่ำ แสดงถึงความเป็นไก่อันธพาล
หวั้นชิด คือ ข่วงหางอยู่ชิดหรือติดกับบั้นท้ายตรงบริเวณเชิงกราน ทำให้ช่องว่างระหว่างบั้นท้ายกับเชิงกรานแคบแสดงถึงความอึดอดทน
หงอนบิด คือ หงอนไม่ตรงบิดเอียงไปด้านข้างเล็กน้อยแต่ไม่ไช่พับเอียงมากเกินไปเพราะจะเป็นลักษณะที่ไม่ดี แต่จะเชื่อกันว่าหงอนที่เอียงบิดไปทางขวาเป็นไก่ที่มีฝีมือตามตำราแต่หากเอียงทางซ้ายจะไม่นิยม
ปากร่อง คือ ที่บริเวณจงอยปาก จะมีร่องเป็นร่องลึกเข้าไปทั้งสองข้างออกจากรูจมูก อันแสดงถึงความเข้มแข็งไม่หลุดหักง่าย
พัดเจ็ด คือ ที่บริเวณจะพบขนที่เรียกว่าขนพัดข้างละ 7 เส้น
ปีกสิบเอ็ด คือ ขนปีกท่อนนอกมีข้างละ 11 เส้น ช่วยในการบินได้ดี
เกล็ดยี่สิบสอง คือ เกล็ดที่นิ้วกลางนับรวมกันได้ 22 เกล็ด จัดเป็นไก่มีสกุลตีเจ็บตีหนัก รุนแรง


เกล็ดแข้ง ถือเป็นศาสตร์ลึกลับชั้นยอด เป็นเคล็ดวิชาที่เป็นทีเด็ดของนักเลงไก่ระดับเซียน ใครก็ตามที่มีความเชี่ยวชาญด้านนี้ จะได้ไก่ที่ชนะตลอดกาลเกล็ดไก่แต่ละตัวจะไม่เหมือนกันแม้จะเป็นครอกเดียวกัน เกล็ดไก่เปรียบเหมือนกับลายมือของคน ที่สามารถบอกอนาคตและฝีมือของไก่ได้ เช่น คนลายมือขาดจะต่อยตีหนักไก่มีเกล็ดพิฆาตจะตีชักตีตาย คนที่มองเกล็ดไก่ออกจะต้องมีความชำนาญแบบหมอดูลายมือ
Top เกล็ดไก่ตามตำราโบราณ ที่สำคัญมีด้วยกัน 4 แบบ ที่ถือว่าเป็นพญาไก่ คือ เสือซ่อนเล็บ เหน็บชั้นใน ไชบาดาล เกล็ดผลาญศัตรู นอกจากนี้ยังมีเกล็ดอื่นๆที่มีความโดดเด่นรองลงไปมีชื่อเรียกที่แตกต่างกันสายฟ้าฟาด (สังวาลเพชร ) กากบาทดาวล้อมเดือน เกล็ดดอกจันทร์ เกล็ดกำไล เกล็ดเดิมพัน เกล็ดอัน เกล็ดอุ้ง เกล็ดใต้เท้าและอื่นๆ
เกล็ดเสือซ่อนเล็บ จะเกิดขึ้นบริเวณข้อพับหรือรอยต่อระหว่างหน้าแข้งกับส่วนของนิ้วลักษณะจะมีเกล็ดแซมขึ้นมาระหว่างเกล็ดหลักที่มีอยู่ มีตั้งแต่ 2 เกล็ดขึ้นไป เกล็ดชนิดนี้ปกติจะถูกทับหรือคลุมด้วยเกล็ดอื่น ในขณะที่ไก่ยืนอยู่จะไม่เห็นเพราะหลบซ่อนอยู่ภายใน หากคลี่ออกดูจะเห็นชัดเจน
เหน็บชั้นใน จะเกิดขึ้นที่นิ้วใดนิ้วหนึ่ง ส่วนมากจะอยู่ที่นิ้วชี้ เป็นเกล็ดขนาดเล็กที่แทรกซ้อนขึ้นมาตั้งแต่ 1 เกล็ดขึ้นไป
ไชบาดาล อยู่ที่โคนนิ้วก้อย จะมีลักษณะเกล็ดแตกมากกว่า 3 เกล็ดขึ้นไปต่อลงมาระหว่างนิ้วก้อยและนิ้วชี้ไปที่อุ้งเท้า
เกล็ดผลาญศัตรู จะมีเกล็ดที่นิ้วชี้แตกตั้งแต่ 1 เกล็ดขึ้นไปที่ข้างใดข้างหนึ่ง ถือเป็นไก่ที่มีสกุลสูง ในสังเวียนจะไม่แพ้ใครง่ายๆ ในไก่ตัวใดที่สามารถพบเกล็ดทั้ง4 ชนิดในตัวเดียวกันถือว่าเป็นสุดยอดของพญาไก่ จัดเป็นสกุลสูงสุดไม่มีคำว่าแพ้
เกล็ดอื่นๆ ที่พบโดยทั่วไป
เกล็ดสายฟ้าฟาด ที่บริเวณด้านหลังของแข้งโดยปกติแล้วจะเป็นเกล็ดอ่อนหรือเกล็ดขนาดเล็ก แต่หากเกิดเป็นเกล็ดใหญ่และแข็งเหมือนเกล็ดด้านหลังแข้งเรียงกันเป็นแถว 1-2 แถวจะเรียกเกล็ดนี้ว่าเกล็ดสายฟ้าฟาด ไก่ที่มีเกล็ดนี้จะตีหนัก ตีตายหาได้ค่อนข้างอยาก
เกล็ดดาวล้อมเดือน หรือดอกจันทร์ ลักษณะจะมีเกล็ดเล็ก 1 เกล็ดอยู่ตรงหน้าเดือยหรือใต้เดือยและมีเกล็ดอื่นๆล้อมรอบอีก 4-5 เกล็ด
เกล็ดบัวตูม บัวบาน คล้ายกับดาวล้อมเดือน หากเกล็ดที่อยู่ตรงกลางมีขนาดเล็กล้อมรอบด้วยเกล็ดใหญ่ เรียกว่าเกล็ดบัวตูม แต่หากเกล็ดตรงกลางใหญ่ล้อมรอบด้วยเกล็ดเล็ก จะเรียกว่าเกล็ดบัวบาน ถือเป็นเกล็ดพิฆาตเช่นกัน
เกล็ดกากบาท ที่บริเวณหน้าเดือยจะมีเกล็ดมาเรียงกัน โดยที่รอยแตกของแต่ละเกล็ดอยู่ในแนวเดียวกันหรือต่อกันเป็นรูปกากบาทถือเป็นเกล็ดพิฆาตตีสลบตีตายหากมีทั้งสองข้างจะดี
เกล็ดกำไล คือ เกล็ดใหญ่เกล็ดเดียวที่ออกมาโดดเด่นจากเกล็ดอื่นๆมีขนาดใหญ่และโอบล้อมหน้าแข้งเหมือนกำไลใส่ขา ถือเป็นเกล็ดพิฆาต ตีเจ็บ ตีชัก หากมีทั้งสองข้างถือว่าดี
เกล็ดแตกตรงเดือย ที่หน้าเดือยจะมีรอยแตกของเกล็ดเป็นแนวซึ่งเมื่อลากเข้าหาเดือยแล้วจะเป็นเส้นตรงแนวเดียวกับเดือย ไก่ที่มีเกล็ดแบบนี้จะถือว่าเป็นไก่แทงแม่น แทงจัดใช้เดือย
เกล็ดข้าวตอกแตก เกิดจากเกล็ด 2-3 แถวเรียงกันมาถึงหน้าเดือย แล้วแตกกระจายเป็นหลายแถว เป็นไก่ที่เดินตี ตีชัก
เกล็ดอัน จะมี 2 แบบ คือ เกล็ดเม็ดข้าวโพดและเม็ดข้าวสารอยู่บริเวณด้านข้างของแข้งเรียงขึ้นจากเดือยเป็นแถวหากมีขนาดเล็กลงเรื่อยๆจากล่างขึ้นบน เชื่อกันว่ามีมากอันไม่ดี หากด้านล่างมีขนาดใหญ่ชัดเจน 3-4 เกล็ด เชื่อว่าจะหักคู่ต่อสู้ได้ในเวลาไม่กี่อัน โบราณเชื่อว่าเม็ดข้าวสารจะดีกว่าเม็ดข้าวโพด
เกล็ดเดิมพัน เป็นเกล็ดที่บอกได้ว่าไก่ตัวนั้นๆเข้าเงินเดิมพันได้ดีหรือไม่ดี เพราะถือว่าเป็นเคล็ดหักล้างกัน เช่น หากเกล็ดเดิมพันไม่ดีแต่ตีเดิมพันสูงจะแพ้ได้ง่าย แต่หากเล่นเดิมพันพอตัวไม่มาก อาจจะเป็นฝ่ายชนะ เกล็ดนี้จะดูได้จากแถวของเกล็ดที่เรียงขึ้นมาจากนิ้วก้อยผ่านเดือยขึ้นเป็นแนวยาวยิ่งมากจะยิ่งดีสามารถตีเดิมพันได้สูง แต่หากมีน้อยแสดงว่าเข้าเดิมพันไม่ดี บางรายเชื่อว่าสามารถตีครั้งไหนจะชนะ หรือแพ้ โดยดูจากการเรียงของเกล็ด เช่น หากมีเกล็ดขัดอยู่ในแถวที่ 4 แสดงว่าครั้งที่ 1-3 จะดี แต่ ครั้งที่ 4 จะแพ้ให้แก้เคล็ดโดยการตีเดิมพันต่ำๆเพียง 1-2 อัน แล้วยอมแพ้เพื่อไม่ให้ไก่ช้ำ ต่อจากนั้นให้นับหนึ่งเริ่มต้นใหม่จากด้านล่างเป็นรอบต่อไป
ลักษณะของเกล็ดที่หน้าแข้งจะมีอยู่หลายแบบด้วยกัน คือ เกล็ดกำไลตลอด หรือเกล็ดพันลำ จะมีเกล็ดแถวเดียวคาดตลอดทั้งแข้งหาได้ยากมาก เกล็ด 2 แถว เกล็ด 3 แถวเกล็ดปัดตลอด (เรียงกันเป็นระเบียบสองแถว )เกล็ดตะเข้ขบฟัน (ปลายเกล็ดทั้งสองแถวสลับกัน) เกล็ดพญาครุฑ ( 3 แถวเรียงกันเป็นระเบียบและมีเหน็บแทรกอยู่ตลอด )
ลักษณะไก่ชนพระนเรศวรมหาราชโดยละเอียด
หัว ตั้งแต่ปลายหงอนถึงคอมีลักษณะโค้งมน ขนหัวตั้งแต่หัวคิ้วทั้งสองข้างปลายประสานกันตรงกลาง ดูเป็นเส้นตรง ดูเป็นสันตรงกลางหัว
หน้า แหลมยาว เรียว เหมือนนกยูง ไม่หนาใหญ่เทอะทะ อันจะตกเป็นเป้าโจมตีได้ง่าย และเชื่อว่าไก่หัวโตจะเป็นไก่โง่หรือไก่ดื้อ
ตา มีขนาดเล็กตาขาวมีสีขาวอมเหลือง มีเส้นเลือดแดงโดยรอบหัวตาแหลมเป็นรูปตัว V ซึ้งเกิดจากเปลือกตาบนและล่างบรรจบกันที่หัวตาจึงดูเหมือนตาเรียวเรียกว่า ตาสดใส จัดเป็นไก่ฉลาดและบึกบึน
หู หูทั้งสองข้างมีขนสีเหลืองและขาวเหมือนสีของตัวไก่ ขนหูมาก ปิดรูหูมิดไม่มีขี้หู (หากมีขี้หูแสดงว่าไก่ไม่สมบูรณ์หรือกำลังอาจไม่สบาย )
ตุ้มหู เป็นเนื้อสีแดงจัดเหมือนสีของหน้าไก่ มีรูปยาวรีขนาดไม่ใหญ่และไม่ยาน
เหนียง เป็นแผ่นเนื้อ 2 แผ่นอยู่ใต้คางตั้งแต่โคนปากล่างทั้ง 2 ข้างลงมาปิดลูกกระเดือกมีสีแดงจัด ไม่ยาน
หงอน จัดอยู่ประเภทหงอนหินมี 3 แถวตามยาวโดยแถวกลางสูงกว่า หงอนมีสีแดงจัดตั้งอยู่บนหัว ตั้งแต่โคนปากไปจนถึงหัวไก่ด้านล่าง หงอนด้านหน้าเหมือนปากมีลักษณะบางและตรงกลางหงอนสูง หงอนแดงจัดแสดงว่าไก่ฟิตจัด
ปาก ปากมีสีขาวอมเหลืองมีขนาดยาว โคนปากใหญ่ ขอบปากและปลายปากคม ปากบนปิดปากล่างสนิท รูปร่างคล้ายปากนกแก้ว ขนาดปากหนาและงุ้มลักษณะแข็งแรงมั่นคง ปากบนมีร่องตั้งแต่โคนตรงรูจมูก
รูจมูก ทั้งสองข้างยาวและใหญ่โคนปากทั้งสองข้างช่วยให้หายใจคล่องเมื่อไก่เหนื่อย สันกระดูกเหนือรูต่อจากโคนปากจะมีสีขาวอมเหลือง
คิ้ว โหนกคิ้วเป็นสันโค้งปิดเป้าตา ทำให้ป้องกันลูกตาได้ดีจากการตี
คอ นับตั้งแต่ใต้คางลงมาถึงหัวไหล่ ต้องยาวและใหญ่กระดูกแต่ละข้อถี่
สร้อย สร้อยปะบ่าระย้าปะก้น สร้อยมีสีเหลืองทั้งตัว ไม่ว่าจะเป็นสร้อยคอ สร้อยปีกหรือสร้อยหลัง
สร้อยคอ มีสีเหลืองลักษณะเส้นเล็กและหนาแน่นยาวปะบ่า
สร้อยหลัง มีสีเหลืองแหลมปลาย ยาวระย้าปะถึงก้นหลัง หลังแผ่ขนาดใหญ่
ปีก เมื่อกลางออกจะเห็นกล้ามเนื้อปีกใหญ่ หนาตลอดทั้งปีก เอ็นยึดกระดูกแข็งแรง ขนปีกขึ้นหนาแน่นชิด มีความยาวเท่ากันขนปีกยาวถึงกระปุกน้ำมัน
กระปุกก้น อยู่เหนือโคนหาง มีขนาดใหญ่อยู่ชิดกับกระดูกก้นกบ
ต่อมน้ำมัน อยู่เหนือกระปุกก้นเหนือโคนหาง มีขนาดใหญ่และสองต่อมอยู่ติดกัน
ตะเกียบตูด เป็นกระดูกสองอันออกจากกระดูกซี่โครงสุดท้ายยาวถึงก้นเป็นกระดูกหนาแข็งแรงลักษณะโค้งเข้าหากันและอยู่ชิดกันทั้งสองข้าง เชื่อกันว่าจะเป็นที่ตีเร็วและแรงดี
หาง จะมีสีขาวเป็นส่วนใหญ่ กะลวยหางเป็นสีขาว หางทั้งหมดดูเป็นพวงใหญ่ ยาวโค้งไปทางด้านหลัง ปลายหางห้อยตกลงเล็กน้อยดูแล้วสวยงาม แสดงว่าเป็นไก่ที่มีกำลังดี
ปั้นขา กล้ามเนื้อโคนขามีขนาดใหญ่ แสดงว่ามีกำลังดี
อก อกกว้างใหญ่ กล้ามเนื้อเต็ม กระดูกหน้าอกแข็งแรงโค้งเป็นท้องเรือยาว อกกว้าง เวลายืนโคนขาจะห่างจากกัน
กระดูกไหปลาร้า อยู่ระหว่างหัวปีกมายังหน้าอกเป็นกระดูกใหญ่และยาวแข็งแรง แสดงว่าเป็นไก่ที่ตีทน พลังสูง
แข้ง สีของแข้ง เกล็ดนิ้วเท้า เล็บและเดือยมีสีเหลืองอมขาว แข้งมีขนาดเล็ก กลม มีเกล็ดแข้ง 2 แถว
นิ้ว มีลักษณะยาวปล่อยนิ้วเรียว นิ้วกลางยาวเรียว มีเกล็ดตั้งแต่ 20 เกล็ดขึ้นไป เหนือฝ่านิ้วเท้ามีปุ่มตรงข้อเป็นลักษณะคล้ายเนื้อด้านนิ้วละ 3 ข้อ ทำให้ยึดจับดินได้ดียืนมั่นคง
อุ้งตีน หนังอุ้งตีนบางเวลายืนอุ้งตีนต้องไม่ติดพื้น เพราะจะทำให้เกิดปัญหาอุ้งตีนบวมได้
เล็บ มีสีเหมือนแข้ง คือมีสีเหลืองอมขาว โคนเล็บใหญ่หนาแข็งแรง ปลายแหลม
นิ้วก้อย ปลายนิ้วจะแผ่ใหญ่ เกล็ดมีรอยแตกตั้งแต่ 1 เกล็ดขึ้นไป แสดงว่าเวลาตีแล้วแทง
เสียงขัน ขันเสียงใหญ่ ยาว แสดงถึงความมีพลังหรือเป็นไก่ที่แข็งแรงสมบูรณ์
ท่ายืน ยืนยืดอกตรงยืนขาตรงชิดข้อขาไม่งอหัวปีกยกการยืนต้องมีลักษณะที่เรียกว่ายืนผงาดดังราชสีห์ซึ้งแสดงว่าเป็นไก่ที่ไม่ยอมก้มหัวให้คู่ต่อสู้ข้อขาที่ยืดตรงแสดงว่าเป็นไก่เตะแม่น
เดือย มีสีขาวอมเหลือง เป็นกระดูกที่ออกมาจากแข้งด้านใน โคนมีขนาดใหญ่ เรียวแหลม คมที่ปลายเดือยงอนช้อนเล็กน้อย และโคนเดือยต่ำชิดนิ้วก้อย (ห่างกันไม่เกิน 1 ซ.ม. ) แสดงว่าเป็นไก่แทงเก่ง
ท่าเดิน เดินมีสง่าเหมือนกับท่ายืน เวลาเดินยกเท้าขึ้นก็จะกำนิ้วทั้งหมด การเดินมีการระแวดระวังและเฉลียวฉลาด แสดงว่าเป็นไก่ที่มีเหลี่ยมจัด สามารถเปลี่ยนแปลงชั้นเชิงในการตีได้หลายรูปแบบ
#3
การดูการวางแข้ง
ลูกตีทีเด็ด ตีเจ็บปวด หัก ชัก หงิก งอ สะดุ้ง ผวา สะดุดขา(จะล้ม) ปีกบาน หางคลี่
1. ตีตอ ตีทุกที เจ็บทุกที มีมากในไก่เหนือ ไก่พม่า ไก่สะตอ ไก่ใต้ ไก่อินโด ไก่ฟิลิปปินส์ เนื่องจากนิยมปล่อยตอตีกัน จึงต้องหาไก่ตีตอจัดๆ ในภาคกลางไม่นิยมปล่อยตอตีกัน หากชนะมาส่วนใหญ่ไก่จะเสีย ชนอีกไม่ได้ แต่นักเลงไก่ทางเหนือ ใต้ นิยมเพราะแพ้ง่ายดี
2. ตีลูกนัยน์ตา ไก่ที่ตีตาเก่งส่วนใหญ่จะเป็นไก่ตีตอ ไก่ตีตอส่วนมากจะตีบริเวณวงแดง(ใบหน้าเนื้อแดง) หน้า โขนง หัว ตา ไก่ตีตอจึงมักเป็นไก่ยืนตีไม่มีเชิง ไก่ภาคกลาง ไก่พม่า ไก่เหนือ ไก่ใต้บางตัวตีจนแพ้ไม่โดนตาสักที ลูกตาตีเจ็บแต่โดนยาก
3. ตีโขนง ถ้าไก่ถูกตีโขนงจะหัก ทรุดซวนเซไก่ยอมแพ้ไว รองลงมาจากตีตา ส่วนใหญ่จะเป็นไก่เชิงยืน ยืนวงนอก เตะกินเปล่า ดีดแข้ง จับหน้าหงอนตี จับโขนงตี ถ้าได้เชิงตีส่วนใหญ่จะเป็นไก่สไตล์เดียว เห็นมากในไก่พม่า ไก่ใต้ ไก่เชิงยืน ถ้าไปเจอไก่เชิง กอด กด ขี่ บด บี้ ขยี้ ล็อก มัด จะลำบาก
4. หน้าหงอน ไก่จับหน้าหงอนตี จะเห็นมากในไก่ยืนภาคกลาง ไก่พม่า ไก่ใต้ มักเป็นไก่ใช้ตอ ถ้าได้เชิงตีคู่ต่อสู้จะอยู่ได้ไม่เกิน 3 อัน ส่วนใหญ่จะแพ้ไก่เชิง กอด กด ขี่ จับ ทับ ทำให้หงายไพ่เสียรูป เสียเหลี่ยมมวยไปเลย
5. ตุ้ม-คาง ไก่ยืนแปะหน้าตีกัน ส่วนใหญ่เป็นไก่ยืน ชอบตุ้ม ชอบคาง ไก่เชิงไม่ค่อยมีให้เห็น นอกจากเป็นลูกแก้ไขสถานการณ์ เช่น วิ่งไปจุ้มคางตีตัว ตีก้านคอ ตีตุ้ม คาง ลำตัว ถ้าเป็นไก่ลำโตก็อยู่ 4-5 อัน ไก่ยืนจุ่มตุ้ม จุ่มคางตี ถึงจะตีเจ็บมีหัวหัก มีชัก หากได้ปะทะกับไก่เชิงตีชอบหน้าหงอน โขนง 90 % ถ้าน้ำหนักใกล้เคียงกันไม่เสียเปรียบน้ำหนัก ไก่ชอบหน้าคอมักจะแพ้ไก่ชอบหน้าหงอนและโขนง สรุปไก่ตีโขนงเหนือกว่าไก่ตีตุ้ม ตีคาง
6. ตีหัว ตีท้ายทอย ลูกตีหัวมีในไก่ยืน ส่วนใหญ่จะยืนเกาะเกี่ยว 2 หน้าในไก่เชิงก็มีชอบตีหัว ตีท้ายทอยเป็นส่วนใหญ่ ในไก่เชิง กอด ขี่ กด จะตีหัวและท้ายทอยได้ดี
7. เท้าบ่า ตีตัว ลูกนี้เจ็บปวด โดนมากๆบ่อยๆไม่ดี จะยุบ จะเหี่ยว แผ่วปลายน้ำได้ง่าย แรงหมดหมดเลยไม่มีก็อกสอง ลูกเท้าบ่าตีตัวมีทั้งในไก่เชิงและไก่ยืน ที่ตีเป็นอาชีพไม่ค่อยเห็น ปัจจุบันในไก่เชิงมีให้เห็นบ่อย ส่วนใหญ่จะเป็นลูกหากิน ลูกแก้สถานการณ์ในกรณีที่จะเพลี้ยงพล้ำคู่ต่อสู้ เป็นลูกจุกจิกเจ๊าะแจ๊ะแก้ไขเฉพาะหน้า ส่วนใหญ่เป็นไก่เชิงตี I.Q เกิน 100 เช่น ระหว่างปะทะกระบวนท่ามวย(ไก่ชน)ไทยในเพลง กอด กด ขี่ ซึ่งกันและกัน เดินหมุนซ้าย-ขวา หากเดินสะดุดเสียจังหวะคอบิดอยู่ในจังหวะเป็นรอง คู่ต่อสู้เข้าหลังเสียเหลี่ยมคอประมาณ 30-40 องศา ก่อนที่จะโดนจับหูนอกหรือท้ายทอยตีจังหวะนั้นมันจะจิกบ่าตีตัวให้คู่ต่อสู้กระเด็นกระดอนออกไป แล้วกลับสวมคอเล่นเชิงต่อ
8. ตีสวาป(ทุบสีข้าง) ไก่โดนตีแล้วจะยุบจะแผ่วระยะยาวดี ดีกว่าไก่ตีตัวเป็นลูกที่ปลอดภัย ถ้าเป็นไก่เชิงมัดจัดๆจะเก่งมาก ไก่เชิงมัดนอกจากเป็นลูกหลบหลีกแก้ไขสถานการณ์ ยังเป็นลูกหากินที่คู่ต่อสู้ไม่มีทางป้องกันตัว ถ้าเข้าล็อกรัดปีกต้องตีได้ ถ้าเป็นไก่ตีตัวลำโตลูกตีสีข้างอันที่ 2 จะออกอาการ ไก่ปีกจะห้อยหมดกำลังบิน แก้ไม่ฟื้น ไก่เข้าปีกเก่งๆยิ่งตีเจ็บด้วยเป็นลูกอันตรายและป้องกันตัวเอง ในกรณีที่เพลี้ยงพล้ำให้คู่ต่อสู้ก็ต้องอาศัยปีกเป็นเกาะกำบัง ใน 1 อันขอตีเพียง 5 ทีแรงๆก็พอ
9. ทุบหลัง ใน 1 อันขอทุบถนัดๆ 3 ทีพอ ไก่เก่งๆเดี๋ยวนี้มักจะมีลูกทุบหลัง คู่ต่อสู้โดนแล้วยุบหมดแรงดื้อๆ ตีก็ไม่แม่นจะสูญเสียไปเลย ลูกทุบหลังเซียนไก่จะกลัวกันมาก ถึงแม้สถานการณ์เป็นรองอยู่หากได้ทุบหลังอันละ 1-2 ทีก็มีสิทธิ์พลิกกลับมาเป็นต่อถึงชนะได้ ไก่บางตัวตีเป็นต่ออยู่ดีๆโดนทุบหลัง 1-2 ที ก็ยอมแพ้เอาดื้อๆ
10. หู รูหู บ้องหู ถือเป็นจุดอ่อนที่สำคัญ เพราะเป็นที่เชื่อมต่อประสาทส่วนต่างๆเป็นจำนวนมาก หากถูกคู่ต่อสู้ตีเข้าบ้องหูบ่อยๆ จะทำให้ยืนทรงตัวไม่ดีเซถลา เดินเหมือนแผ่นดินพลิก ยิ่งถ้าหากว่าถูกตอแทง ยิ่งไปกันใหญ่ โดนแข้งอย่างเดียวก็จะมีชีวิตไม่รอดอยู่แล้ว เมื่อโดนตอแทงบริเวณข้างรูหูจะขัดเดินตะแคง เลี้ยวไม่ได้คอแข็ง หากถูกแทงบริเวณรูหูไม่ตายคาแข้งก็หนีเลย แต่ก็หาไก่ตีรูหูจัดๆยาก ส่วนใหญ่เป็นไก่ตีเหลี่ยม ตีตอ
11. หลอดคอ (คอเชือด) กระเดือกไก่ตรงส่วนที่ใช้เชือดไก่ให้ตายค่อนข้างจะบอบบางเป็นที่อยู่ของหลอดลม หากถูกตีหนักๆ และรุนแรง ไก่จะเจ็บปวดมากถึงขั้นหลอดลมแตก บางตัวร้องกะโต๊กเจ็บแบบลืมตัวบินขึ้นสังเวียน ที่ตายคาสังเวียนก็มีให้เห็นบ่อยๆ เนื่องจากหลอดลมขาดไก่ตีคอ หน้าคอ หลอดคอ ถือว่าเป็นลูกอันตรายอีกอาวุธหนึ่ง แต่ก็เสี่ยงเพราะจะตีหน้าคอก็ต้องก้มลงจุ่มตี เสี่ยงที่จะโดนตีนเมื่อคู่ต่อสู้ชอบหน้าหงอนหรือโขนง ส่วนใหญ่จะเป็นไก่ยืนพิง แปะหน้าตีกัน ประเภทไก่หัวสูงไม่ยอมก้มหัวให้ใคร(ไก่โด่เด่)
12. สามเหลี่ยม เป็นจุดอันตรายอีกจุดหนึ่ง เมื่อไก่โดนแล้วยุบ หมดง่ายๆ ยอมไก่ไม่อยากออกอาวุธเพราะเสียวตัว ยิ่งกว่าถูกตีตัวเสียอีก เป็นข้อต่อระหว่างกระดูกคอและลำตัว จะมีกระเพาะพักอยู่บริเวณด้านหน้า เป็นจุดที่เสี่ยงต่ออันตรายจากการถูกตีมากที่สุด เนื่องจากมีหน้าที่ในการยืดส่วนคอและส่วนหัวทั้งหมดให้ติดกับลำตัว หากไม่อยู่ในตำแหน่งที่ชิดกับลำตัวมากๆ คือคอ ส่วนนี้ห่างเกินไปจะทำให้ฐานคอ ไม่แข็งแรง หากถูกตีบ่อยๆ จะทำให้คอหักในลักษณะฐานคอพับตายได้ง่าย
13. ปากบนและล่าง เป็นอวัยวะสำคัญของไก่ในการต่อสู้ หากปากไก่ไม่แข็งแรง อาจถูกตีปากหัก ปากหลุด ทำให้ไก่ถึงแพ้ได้ง่าย เพราะฉะนั้น จึงควรเลือกไก่ที่มีร่องน้ำลึก โคนปากใหญ่และหนา หากปากหลุดก็แก้ไขด้วยการสวมปากหรือถักปาก หากเป็นปากล่างก็ลำบากหน่อย ต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้าด้วยการเย็บติดกับกระดูกปาก
14. โคนคอด้านหลัง (ตรงข้ามสามเหลี่ยม) ไม่ค่อยมีให้เห็นดูเหมือนไก่ตีไม่ถูก โดยเฉพาะไก่ยืนเกาะเกี่ยวตี จะออกอาการในอัน 2 หรือ 3 แล้วจะบินแกว่ง รุ่งขึ้นจะเขียวจากโคนคอยันหลัง เป็นลูกอันตรายอีกอันหนึ่ง
#4
จะพูดไปแล้วผมคลุกคลีกับไก่ชนมาตั้งแต่เล็กจำความได้และถือว่าเป็นรุ่นบุกเบิกความแปลกใหม่ในโซนแถวบ้านเลยก็ว่าได้..เอาแค่จำได้ในโซน หนองหน่อง อีง่อง หนองผง สวนมอญหนองหิน เหล่าล้อ หนองบัว(ไม่มีคนเด่นและไก่ไม่ค่อยหวือหวา)
1.หนองหน่อง พ่อใหญ่มี(ตาผมเอง) พ่อใหญ่พันป้อ ชาวบ้านเรียกกันแบบนั้นเพราะที่บ้านมี2พัน พันนี้เลาโตน้อยอีกพันเลามักฮ้องปี๊บ ที่มาของพันปี๊บคือเวลาเลาพูออะไร ขำขันหรือตบท้ายมุกเลาจะปี๊บ..พ่อใหญ่กี พ่อใหญ่ลี พ่อใหญ่สม พ่อใหญ่จันดา พ่อใหญ่คำตา พ่อใหญ่กาด
2.ป่าบก-หนองผง บ้านนี้ส่วนมากจะเป็นจุดประลองสนามนัดกันเพราะตั้งอยู่ใจกลางของหมู่บ้านอื่น..พ่อใหญ่หมุน พ่อใหญ่อั๊ว พ่อใหญ่ภาส พ่อใหญ่เล็ก พ่อใหญ่เต๊ก พ่อใหญ่สม
3.อีง่อง ผมจำบ่ได้หลาย ที่เห็นบ่อยก็ครูศิลป์ พ่อใหญ่ปุ๋ย และพ่อใหญ่อะไรสักอย่างจำไม่ได้จะเป็นคนเพาะมากกว่าแต่ไก่เลาก็ดีนาใกล้ฝาย
4.สวนมอญ พ่อใหญ่มัย พ่อใหญ่เล็ก พ่อใหญ่ปาน
5.หนองหิน พ่อใหญ่เฮด พ่อใหญ่สอ
6.เหล่าล้อ พ่อใหญ่จ่า พ่อใหญ่เถี่ยนและคนอื่นๆ  หมู่บ้านนี้มีไก่ดีไก่ดังหลายตัว
**สมัยนั้นจะรวมตัวกันตีกันบ้านพ่อใหญ่หมุน สลับไปพ่อใหญ่ภาส สลับไปหนองผงบ้าง
เอาแต่ในหมู่บ้านหนองหน่องก่อน ตอนเด็กไฟฟ้ายังไม่เข้าจำได้ว่าจุดไม้ลำปอล้อมวงเพื่อชนกันก็มีเพราะกลางวันคนแก่ยุคนั้นต่างมีงานเวียกงานนากว่าจะเสร็จเจอกันก็เย็นค่ำ  น่าจะตอนผมอยู่ ป.1-ป.2มั้งไฟฟ้าถึงเข้าหมู่บ้าน..คนแก่ในหมู่บ้านเท่าที่ดู..พ่อใหญ่ของผม(ตามี)จะมีไก่โดดเด่นกว่าคนอื่นสักหน่อย  เพราะพ่อใหญ่เป็นนายฮ้อยวัว-ควาย มีโอกาสไปบ้านนั้นบ้านนี้ เสาะหาไก่เก่งระแวกไกลๆบ้านมาเรื่อย ส่วนถ้าคนอื่นๆไม่ได้ไปไหนก็ผสมแบบเดิมๆเท่าที่มี .ตามีจะมีสโลแกน ไก่ดีต้องตีจบไม่เกินอัน3..สมันนั้นตีกันนาน8-12ยก  ไก่ประเภททนได้ทั้ง8ยก12ยกไม่เอาเลย..ผมไปเรียนต่างจังหวัดพอปิดเทอมก็ได้ไก่ภารโรงและอาจารย์พละมาด้วย ยุคนั้นบ้านหนองหน่องต้องตะลึง เพราะผมมีบักขาวชี ตีได้ทุกคนในหมู่บ้านชนะตัวดีหลายตัวในหมู่บ้านและละแวกบ้าน..เริ่มจากชนะไก่น้าดาวน้าเขย..เพิ่นว่าเพิ่นได้ไก่ดีมาจากพ่อใหญ่คงในตัวอำเภอ..จำได้ว่าผมตีวิ่งทั้ง2ตัว..แต่ก็โม้บ่ลงกันคือเก่าเรื่องไก่..จนหลังๆเลายอมรับไปเอง..ส่วนตาผมก็มีไก่เก่งหลายตัวสนับหน้ากันไปเรื่อย บักขาวได้ลูกเหล่ากระจายไปเกือบทุกหมู่บ้านทั่งอีง่องสวนมอญ ที่ไปสวนมอญน่าจะเพาะพ่อใหญ่ลีบ้านติดกับผมมีลูกเขยชื่อพ่อใหญ่ยูรบ้านเกิดอยู่สวนมอญ สมัยก่อนบ้านไม่มีรั้ว  บักขาวก็ข้ามไปทับไก่บ้านเขาเยอะ..ข้ามไปถึงบ้านพ่อใหญ่กีบ้างพ่อใหญ่พันบ้าง  ก่อนที่มันจะข้ามถิ่นไปเซิงไก่บ้านเขาได้มันก็ต้องปราบพ่อไก่หรือไก่ปล่อยบ้านเขาหลายตัวหละ มันตีวิ่งทุกตัว..พอหมดยุคบักขาว..ก็หลายปีนะน่าจะรวมๆ6ปี ที่ชื่อนี้ยังพอมีเหล่าในละแวกบ้านสมัยก่อนโรคระบาดก็มาถี่เหลือเกิน โรคห่าตายเป็นเบือ..เมื่อบักขาวตาย ผมก็ตามไปหาภารโรงต่างอำเภอได้ข่าวว่าเขาเลิกกับเมียและไปอยู่ไหนแล้วไม่รู้ แต่บ้านเมียเขาอยู่หลังโรงเรียน จึงตามไปได้ไก่ตัวเล็กๆมา1คู่ พอกลับมาถึงบ้านเปลือยตอนนั้นน่าจะม.1-ม.2  มีเพื่อนอยู่บ้านนี้พอดี จึงแวะหาเพื่อน ขอซื้อไก่เพื่อนมา1ตัวชื่อไอ้ดู่เตี้ย..
กลับมาเลี้ยงไปตีป่าบก-หนองผง ชนะไก่ไวตีไม่นาน จึงมาผสมกับไก่ตัวเมียเหล่าขาวที่เหลือจนเกิดเป็นไอ้ด่างดอกติ้ว..ตัวนี้อย่างแทง รูปหล่อชนสวยงามสรีระดีมาก ไอ้ด่างก็มาดังในระแวกบ้านอีกรอบจนไปตีโนนจำปาซึ่งไกลจากหมู่บ้านมากในยุคถนนหนทางไม่ดี.ชนะมาหลายเที่ยวก็ผสมในละแวกบ้านนี้แหละพ่อใหญ่นั้นพ่อใหญ่นี่เอาแม่ไก่มาขอทับเยอะแยะ.และมีพ่อใหญ่นายฮ้อยทางเกษตรบ้านท่งมาสนิทกับตามี ซื้อขายวัวควายกันบ่อย มาขอยืมไปทับ..น่าจะเกือบปี ผมจึงให้ตาตามเอากลับมา..เรื่องเราไอ้ด่างและดู่เตี้ยก็จะ5-6ปี  ก็เริ่มหายตายจาก  โรคระบาดมาแต่ละทีต้องเก็บตัวสำคัญไว้ในยุ้งข้าว  เล้าเก็บข้าวเปลือกทุกรอบถึงรอด..พอผมเรียนจบจากจังหวัดก็เริ่มมาเรียนต่อในกรุงเทพ  ก็ตระเวณหาไก่เก่งไปเรื่อยที่ไหนมีดีก็ตามหาเพื่ออยากให้เกิดความแตกต่างในละแวกบ้าน ก็จับต้นชนปลายไม่ถูกนะไม่เหมือนบ้านเรา  มีตลาดนัดจตุจักรมีคนมาจากหลายจังหวัดมามีล๊อคขายไก่ชน  ก็ไปดูไปเลือกทุกอาทิตย์ก็ไม่ถูกใจ  ตลาดนัดไก่ชนจตุจักรตาดีได้ตาร้ายเสีย..ไม่ค่อยได้ของดี  ก็มีซื้อเขามาบ้าง  ..จนเรียนจบทำงานก็มาหาทางมีนบุรีหนองจอก..เจอกับพ่อวัติ  เป็นคนร้อยเอ็ดแต่มาอยู่มีนบุรีจนมีที่มีทาง..ผมนับถือเป็นพ่อ..ก็ได้ลองเอาไก่กำนันวิเชียรมาผสม..ตอนนั้นพ่อวัติพาไปด้วยที่คนแก่สนิทกันผมจึงได้แม่แก่ที่เขาไม่ขายให้ใคร เป็นแม่หลักกำนันวิเชียรมาเลย1ตัว..ก็มาผสมที่บ้านพ่อวัติ..ก็ได้ไก่ดีๆหลายตัว..น่าจะปี41-42ผมเบื่อกรุงเทพอยากกลับไปทำฟาร์มไก่ที่บ้านนอกจึงได้คัดไก่กลับไป..ในนั้นก็มีเจ้าโหด..ที่เป็นอีกตัวที่ชาวบ้านได้รู้จักกัน ตีในละแวกบ้านหลายเที่ยว ไปตีสนามมาตรต่างตำบลออกไป ไปชนะไก่พวกเซียนในจังหวัด..อย่างแทงครับถึงเรียกว่าเจ้าโหด..และผมได้ไก่จากทางอยุธยาชื่อไอ้น้ำเพชรและไก่จากอ่างทองไปด้วย..จึงดูมีความหลากหลายและโดดเด่นกว่าคนแก่แถวบ้าน..ช่วงปี38-39 ได้ทำเว็ปไซด์ www.kaichon.com ในช่วงแรกๆก็รวมรวมเนื้อหาต่างๆทั้วประวัติสายพันธุ์ไก่ชนและเทคนิควิชาการต่างๆจัดรวมรวมให้ได้เยอะที่สุดเพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้ สโลแกนผมในตอนนั้นเป็นห้องสมุดไก่ชน..และช่องนั้นได้ใช้เว็ปบอร์ดฟรี 212cafe..ร่วมกับเว็ปตัวเองเพื่อเป็นแหล่งพูดสังคมเว็ปบอร์ด  พอเว็ปเติบโตขึ้นด้วยข้อจำกัดที่ 212cafe ให้ไม่เพียงพอกับความต้องการ จึงมองหาเว็ปบอร์ดตัวอื่นๆ  ลองมาหลายตัวไม่ถูกใจ  จนมาจบที่ smf  ตอบโจทย์100% จนเป็นสังคมที่ใหญ่ขึ้นมากในช่วงหนึ่ง..เมื่อสมาชิกเริ่มมากขึ้นก็มีหลายคนหลายมุมมอง สมาชิกทะเลาะกันบ้าง ตัดแข้งตัดขาโจมตีคนอื่นบ้างจนมีเรื่องท้สตีท้าจ่อยท้าเอาไก่มาประลองกันก็มี  แต่พวกเราก็เคลียกันจนจบ  หลายคนได้เพื่อน ได้พี่ ได้น้อง ได้มิตรภาพที่ดีจากตรงนี้.จนคบกันมาถึงปัจจุบันก็มี..พอมาถึงจุดเปลี่ยนเรื่องเทคโนโลยี่และจุดเปลี่ยนทางเว็ปไซด์  ประมาน10-11ปีก่อนเริ่มมรเฟสบุ๊คเข้ามามีบทบาท น่าใช้และยังฟิสเจอร์ต่างๆมีครบ..ประกอบกับช่วงนั้นผมตัดสินใจเลิกทำงานเมื่อ9ปีก่อน  หันมาทำการเกษตรในช่วงแรกที่มาทำการเกษตรเวลาต่างๆแทบจะไม่มีและผมก็มองว่าเฟสบุ๊คเขาพัฒนามาดีมากน่าใช้ และตัวเองก็ไม่ค่อยมีเวลา มาอยู่คลอง15ใหม่ๆต้องต่อคอมพิวเตอร์ผ่านมือถือ ก็ช้ามา กไม่เหมือนทุกวันนี้หรอก..จะทำงานทีเสียเวลา..และเริ่มเบื่อความวุ่นวายจึงเบรคเว็ปไซด์ไม่พัฒนาต่อน่าจะ2-3ปีผมไม่ได้ดูแลอะไรมากนักสมาชิกมีเรื่องกันเยอะซึ่งต่างจากตอนผมทำงานประจำจะคอยตรวจสอบคอยเคีร์ยให้ตลอด..เมื่อวุ่นวายหนักผมใช้วิธีล้างกระดาน ลบข้อมูลต่างๆของเว็ปเป็น0 และไม่พัฒนาต่ออะไรเลย  คิดไว้แค่ว่าเราเก็บชื่อ www.kaichon.com ไว้ก่อนเผื่อสักวันหนึงคิดจะทำอะไรขึ้นมาและศึกษาเทคโนโลยีใหม่ๆมาใช้ในเว็ป  แต่ก็จนแล้วจนรอด ไม่มีเวลาที่จะจัดการอะไรให้ลงตัวสักที่..พอในช่วงนี้เฟสบุ๊คบล๊อกบ่อย  จึงเริ่มเกิดความเบื่อเฟสบุ๊ค..จึงอยากจะถอยไม่อยู่สังคมเล็กๆโดยเริ่มอุดมการณ์ใหม่กับใครไม่กี่คน เริ่มเล๋กๆสังคมแคบๆเหใอนในสมัยเริ่มก่อตั้งเว็ป..และต่อจากนี้ไป  คงดึงข้อมูลทั้งเก่าทั้งใหม่เกี่ยวกับไก่ชนมารวบรวมไว้เรื่อยๆเพื่อให้คนรุ่นใหม่เข้ามาศึกษาต่อไป..ในตอนนี้คงไม่มีเวลาอะไรมากนักจึงคงใช้เว็ปบอร์ดsmf ไปก่อน  ผมชอบนะสังคมเว็ปบอร์ด..รู้สึกว่าเป็นกันเองสนิทสนมกัน ไม่เปืดกว้างเหมือนเฟส แต่มันมีอะไรๆที่ซ่อนอยู่
ติดตามตอนต่อไปครับ
ขอบคุณทุกท่าน
จากใจ www.kaichon.com
[/color]
#5


ประวัติความเป็นมาของ เจ้าเพชรอุดร

#6
สุดยอดพ่อพันธุ์ควายงามแห่งคอกหนองหญ้านาง จังหวัด อุทัยธานี
#7
ชมพ่อพันธุ์ ดาวเหนือตำนานสายเพชรอุดร

#9
คนเลี้ยงไก่ชนผมว่าลองกันมาเกือบทุกยี่ห้อแล้วหละครับ..อยากให้หันมาลองของผมบ้าง แล้วท่านจะเห็นความแตกต่างในทางที่ดีขึ้น ตัวเดิมที่เคยขายนะครับ  แต่เปลี่ยนบรรจุภัณฑ์  ใช้ดีแน่นอน บรรจุ100แคปซูล 1กระปุกราคา 150บาท 3กระปุก400บาท 6กระปุก700บาท เป็นราคารวมส่งแล้ว //และตอนนี้มีผลิตภัณฑ์สำหรับไก่ชน  เพิ่มอีก1ตัวนะครับ  ผมใช้ชื่อว่า Power Super Calcium L-Threonate  เหมาะสำหรับนักรบมีปีก แกร่งจากภายใน..บรรจุเท่ากันแต่สลากจะเป็นสีส้มนะครับ และผมใช้แคบซูลสีน้ำตาล..บรรจุ100แปซูล  ราคากระปุกละ 120บาท ช่วงทดลองส่งฟรีครับ กี่กระปุกก็ได้..สนใจสินค้าอินบ๊อกมาครับ หรือโทร 0926696542 หรืออีกช่องทางใน www.kaichon.com  สำหรับร้านค้ามีราคาพิเศษให้ครับ..
#11
ขายไก่หาเพื่อนร่วมแนวทางร่วมอุดมกาณ์นะครับ  ..ไก่เชิงแกนในเหนียวแน่นชนแข็งแรง ไม่แบ่งไม่ลายหัว..กระแทกโคนคอ ตีสันคอ-ท้ายเก่ง สายพันธุ์ต้นเหล่าดอกไม้ไฟ..สำหรับคนที่เชื่อมั่นนะครับ.สไตด์นี้ไม่กลัวไก่เชิง ถ้าเจอก๋อย ขนมคบเขี้ยวเลย..ส่วนพม่าเหลี่ยมดีๆแข้งคมๆก็วัดกันอีกทีครับว่าใครตีเข้าจุดก่อน.ถ้าพม่าพื้นๆสู้ได้สบาย ขายรุ่นนี้นะครับมีทั้งหมด7ตัว เลือกวงได้เลยว่าอยากได้ตัวไหน ไม่มีกั๊ก ขายตัวละ1500 ถ้าเอาเป็นคู่คิดแค่2500  รวมส่งในเส้นทางผ่าน  กรุงเทพ-ตามถนนมิตรภาพ-โคราช บุรีรัมย์บางอำเภอ-ศรีษะเกษบางอำเภอ  เน้นอำเภอที่เยื้องมาทางร้อยเอ็ดหรือยโสธร-ร้อยเอ็ด ถ้านอกเส้นทางคิดค่าส่ง500บาท..เดินทางวันเสาร์ที่9และอาทิตย์ที่10..เน้นส่งถึงมือนะครับ..แต่ถ้านอกเส้นทางก็ส่งได้ครับ ส่วนจังหวัดอื่นๆถ้าสนใจคิดค่าส่ง500 แบ่งแค่2คู่นะครับชอบตัวไหนเลือกวงได้เลย  ผมเก็บเหลือเลือก...สนใจติดต่อ 092-6696542
#12
คู่ติดมัดจำสนามชนไก่ฟาร์มจระเข้ อ.พระพุทธบาท สระบุรี อาทิตย์19มิ.ย.65
#13
คู่ติดมัดจำสนามชนไก่ฟาร์มจระเข้ อ.พระพุทธบาท สระบุรี อาทิตย์19มิ.ย.65
#14
คู่ติดมัดจำสนามชนไก่ฟาร์มจระเข้ อ.พระพุทธบาท สระบุรี อาทิตย์19มิ.ย.65
#15
คู่ติดมัดจำสนามชนไก่หนองบัวโดน อ.สมเด็จ ประจำวันเสาร์ที่18มิ.ย.65
#16
คู่ติดมัดจำสนามชนไก่เทิดไท ประจำวันอาทิตย์ที่19มิ.ย.65
#17
คู่ติดมัดจำสนามชนไก่เทิดไท ประจำวันอาทิตย์ที่19มิ.ย.65
#18
ตามมาเอารอบที่2  กว่าจะใจอ่อนให้ไป..
#19
ทุกอย่างต้องมีเริ่มต้น..เว็ปกลับมาใหม่ ก็ต้องการแนวร่วมจากกลุ่มเล็กๆก่อนเสมอ..ท่านไหนมีใจก็ตามมา
#20
ทุกปัญหา ...เราไม่วาง เราก็ทุกข์ เราไม่หยุด เราก็วุ่นวาย เราไม่ทิ้ง เราก็ทุกข์จนตาย ช่วยไม่ได้ เราไม่ปล่อยวางเอง...
กรรมใดเคยก่อสร้าง ปางบรรพ์ ..ดีชั่วผลตามทัน ส่งให้.. เกิดตายมลายขันธุ์. หลีกหลบ ได้ฤา..ดีชั่วตัวทำไว้ สิ่งนั้นตามสนอง..
#21
8)  8)  8)  :)  :)
#22
ความหลังครั้งก่อน :)  :)  :)
#23

เชิงชน

1. เชิงสาด ตีคู่ต่อสู้โดยไม่ต้องจิกหรือที่เรียกว่าสาดแข้งเปล่า
2. เชิงเท้าบ่า เอาไหล่ชนกันแล้วยืดคอไปจิกบ่าคู่ต่อสู้แล้วตีเข้าท้องหรือหน้าอก
3. เชิงลง มุดต่ำจิกขาจิกข้าง พอคู่ต่อสู้เผลอโดดขึ้นตี
4. เชิงมัด มุดเข้าปีก โผล่ไปจิกหัว หู หรือสร้อย แล้วตีเข้าหัว คอ หรือตะโพก
5. เชิงบน ใช้คอขี่พาด กด ล๊อค ทับ กอด ให้คู่ต่อสู้หลงตีตัวเอง เมื่อได้ทีจะจิกหู ด้านนอก หูใน หรือสร้อยแล้วตีเข้าท้ายทอย
6. เชิงม้าล่อ หลอกคู่ต่อสู้วิ่งตาม พอได้ทีตีสวนกลับ
7. เชิงตั้ง ยืนตั้งโด่ จิกสูงแล้วบินตี(เชิงนี้เสียเปรียบเชิงอื่น )
8. เชิงลายชักลิ่ม เอาหัวหนุนคอหนุนคางคู่ต่อสู้ ลอกให้อีกฝ่ายกดลงแล้วชักหัวออก พอคู่ต้อสู้พลาดก็จิกหัวตี ไก่เชิงนี้เป็นตัวปราบไก่เชิงบนขี้จุ้ยที่ขี่กอดทับแล้วไม่ตี

ในจำนวน 8 เพลงท่านี้ แบ่งแยกได้อีก 15 กระบวนยุทธ คือ
เชิงเท้าบ่า แยกเป็น เท้าตีตัว เท้าจิกหลังกระปุกน้ำมัน
เชิงหน้าตรง แยกเป็น ตีหน้ากระเพาะ หน้าคอ หน้าหงอน
เชิงมัด แยกเป็น มัดโคนปีก มัดปลายปีก
เชิงลง แยกเป็น มุดลงจิกขาลงซุกซ่อน ลงลอดทะลุหลัง
เชิงบน แยกเป็น ขี่ ทับ กอด ล๊อค มัด
เชิงลายชักลิ่มแยกเป็น ยุบหัว
ลีลาแม่ไม้เชิงไก่

ไก่เชิงจะแบ่งตามเพลงหรือเชิงตีได้หลายลีลา บางตัวก็ตีได้เชิงเดียว บางตัวก็ตีได้หลายเชิง ซึ่งอย่างหลังเป็นสิ่งที่นักเลงไก่ต้องการมากที่สุดเพราะถือว่าครบเครื่อง กระบวนแม่ไม้ของไก่เชิงอย่างกว้างๆ 3 ประเภทใหญ่ๆ คือ
ไก่เชิงชนสองคอ ลักษณะเป็นไก่ที่เดินเร็วกว่าคู่ต่อสู้ เป็นไก่เชิงบนจัดและยิ่งเป็นตัวที่ฉกาจจะพบว่ามันจะเข้ากอด กด ขี่ บด ขยี้ ล็อก มัด ท้าวบ่า ม้าล่อ ลงจิกขาลอดทะลุหาง ยิ่งมันไปเจอคู่ต่อสู้ยืนพิงแปะหน้า ยืนดินแน่นขาตายหรือช้า จะเสียเหลี่ยมแพ้ภัยตัวเองเพราะเดินไม่ทัน เพราะมันจะถูกไก่เชิงชนสองคอ กด ขี่ เอาอกทับไหล่คู่ต่อสู้อย่างเหนียวแน่น ขาเดินไวแน่นเพื่อเข้าท้ายและหลังคู่ต่อสู้ และหากมันสูงกว่าคู่ต่อสู้ก็ยิ่งเป็นต่อมากขึ้น ข้อเสียเปรียบก็มี คือ หากพบคู่ต่อสู้ที่เชิงเดียวกัน และดันเตี้ยกว่าคู่ต่อสู้ ความพลิกผันก็มีได้ เพราะไม่รู้จักหลบซุกปีกคู่ต่อสู้
ไก่เชิงสองคอสองปีก เป็นไก่เชิงที่มีเทคนิคสูงขึ้นมาอีกขั้นหนึ่ง เป็นการพัฒนามาจากเชิงชนสองคอ แต่ฉลาดขึ้นมาอีกขั้นหนึ่ง มีลีลาจุกจิกแพรวพราวและสามารถแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ดี เมื่อเกิดเสียท่ามันจะรีบเปลี่ยนแม่ไม้กระบวนท่าเสียใหม่ โดยออกลีลาเชิงล่างมุดล็อกมัดปีก ยิ่งถ้ามันเดินไม่ทันคู่ต่อสู้จะรีบมุดเข้าปีกทำเชิงรัดมัดเพื่อให้คู่ต่อสู้ออ่นล้าเร็วยิ่งขึ้น และมันจะเป็นผู้ชนะในที่สุด
ไก่เชิงสองคอ สองปีก สองขา เป็นไก่เชิงสุดยอดที่บรรดาเซียนชื่นชอบ ซึ่งพัฒนามาจาก 2 ประเภทแรก แต่มีอาวุธหนักคือแข้งและมีแรงที่ดีด ลักษณะของไก่ประเภทนี้เป็นไก่เชิงลงลอดทะรุขา ทำให้คู้ต่อสู้ขาอ่อนและหมดแรง
สำหรับไก่เชิงที่มีลักษณะไก่ขี่ คือต้องเดินเร็วแบบแรมโบ้ไล่บดขยี้ชนิดถึงลูกถึงคน พอจะแบ่งออกได้เป็น 3 ประเภทดังนี้
ไก่ขี่เดินใน หัวตั้งตรงแบบ 90 องศา เดินในเหนียวแน่นเกราะเกี่ยวดี และยังเป็นไก่ที่ปากไวหรือที่เรียกว่า ปากดึง ตีนถึง แต่นั้นหมายถึงเมื่อเจอไก่ยืน แต่ถ้าไปเจอไก่พม่าที่อาศัยการตีแบบสาด ตีเร็ว มีความคล่องตัวสูง หรือไก่ที่เชิงเดียวกันก็จะลำบากในการเกราะเกี่ยว หัวสูงก็จะหลุดง่ายก็มีสิทธิ์แพ้ได้เหมือนกัน ยิ่งไปเจอไก่สองปีกจัดๆ ตีสวาป แรง มีเปอร์เซ็นต์แพ้ได้สูงมากไปอีก
ไก่ขี่หัวลึก โดยหัวจะเฉียงเป็นมุม 45 องศา ลักษณะเข้ากอด โคนคอเหนียวแน่น เชิงชนจะมีภาษีดีกว่าเชิงขี่ใน ไก่ลักษณะนี้จะทำเชิงรูดโคนคอ เอี้ยวมาหาหูนอกหรือหูใน แต่แต่งตัวทำเชิงช้ากว่าจะตีได้ แต่ปลอดภัยเมื่อเจอไก่พม่าที่ฝีตีนจัด แต่ถ้าเจอไก่ประเภทไก่ปีก มุด มัด หรือไก่เดินใน กอดเกี่ยวก็เสี่ยงหน่อย เว้นแต่ว่ามันมีลำหักลำโค่นหนักก็พลิกกลับมาชนะได้
ไก่ขี่ล็อก กดโคนคอและหัว ถือเป็นไก่ขี่ที่เยี่ยมที่สุด ไก่ฝีตีนจัดอย่างไก่พม่าก็อ่อนใจ เพราะจะยุบและถอยไม่หยุดเพราะถูกกดโคนคอ ครั้นไปเจอกับไก่ขี่ด้วยกันก็จะได้เปรียบเชิง แต่ถ้าไปเจอไก่เชิงที่ตีเจ็บก็ต้องวัดว่าใครตีเจ็บมากกว่ากัน ไก่ขี่ดีจะต้องถนัดทั้งซ้ายและขวาพร้อมกับกอดเหนียวแน่น ยิ่งรูปร่างไม่เสียเปรียบก็ยากที่คู่ต่อสู้จะตีหัวได้ในทางตรงข้ามมันพยายามจับตีคู่ต่อสู้จนได้
ไก่ประเภทนี้จะเป็นไก่ฉลาดเดินดี คือ หลายจังหวะ มันจะประคองหัวคู่ต่อสู้ตลอดเวลา เรียกว่า กอดประคอง คู่ต่อสู้เดินช้ามันจะเดินช้าไปด้วย ไก่บางตัวเจอคู่ต่อสู้เดินช้าแต่มันไม่เดินช้าด้วย เอาไวลูกเดียว ทำให้หลุดได้ง่ายและพลาดง่ายอีกด้วย แบบนี้เรียกว่าเดินจังหวะเดียว
ไก่เชิงมัดสองปีก จะมีลักษณะมุดหัวซุกเข้าไปใต้ปีกของคู่ต่อสู้ได้ทั้งซ้ายและขวา และโผล่หัวออกมาทางโคนปีกหรือทางกลางปีกของคู่ต่อสู้ แล้วยืดหัวไปจิกคู่ต่อสู้ ดึงหรือกดแล้วตี โดยคู่ต่อสู้จะไม่มีโอกาสได้จิกตีมันเลย ส่วนมากมันจะจิกตีหัวและหลังคู่ต่อสู้ ไก่เชิงมัดมีอยู่ 3 แบบได้แก่ มัดโคนปีก มัด 7 เส้น มัดปลายปีก
ไก่เชิงมัด จะต้องเป็นไก่เดินเร็ว ถ้าเดินช้าความเก่งจะน้อยลง หากไปเจอคู่ต่อสู้ที่เดินเร็วกว่าจะมัดลำบาก ไก่มัดดีจะต้องเดินเร็ว หัวไหวหลบเข้าปีกซ้ายขวาได้คล่อง โดยคู่ต่อสู้งงไม่รู้ทาง และที่แน่นอนไก่เชิงมัดจะต้องอยู่ข้างคู่ต่อสู้ตลอดเวลาได้ตีหัวตลอดในลักษณะตีสวาปและทุบหลังเป็นหลัก สลับกับการตีสีข้างและปั้นขา ยิ่งไก่มัดเก่งๆเมื่อหัวเข้าปีกได้มันจะรีบบิดคอซ้ายและขวาโดยเร็วพร้อมเอาอกดันสีข้างคู่ต่อสู้ แล้วเอาหลังหรือไหล่ดันกระทุ้งคู่ต่อสู้โดยเร็วคู่ต่อสู้จะอ่อนลงเรื่อยๆ ไก่มัดจะหมดท่าไม่ได้เรื่องก็เมื่อไม่สามารถตีถูกคู่ต่อสู้ได้นั้นเอง
ไก่ลง เป็นไก่ที่เข้าเชิงชนแล้วก้มหัวต่ำ หัวของมันจะอยู่ในระดับหน้าคอ หน้ากระเพาะ และต่ำกว่า เช่น หัวต่ำ ไม่เดินแต่เบียดติดโดยแอบแนบหัวของมันหน้าคอคู่ต่อสู้บ้าง หน้ากระเพาะบ้าง หรือที่โคนคอ ซุกปีกแอบอยู่ใต้อก เมื่อคู่ต่อสู้เผลอก็จะรีบตีแล้วรีบแอบจนคู่ต่อสู้เพลียหมดปัญญามันจึงจะออกมาตีคู่ต่อสู้ มีบางตัวหัวต่ำเดินไม่หยุด เช่นหมุดเข้าปีกออกมาตีคู่ต่อสู้ มุดแบกขาโผล่ออกมาแล้วมุดตัวมาตี ลีลาไก่จำพวกนี้เรียกว่า เชิงเล็ดลอด ซุ่มซ่อน ลักตี ขโมยตี ไก่ลงลอดทะลุหางนี้ยังแบ่งออกเป็น 3 ประเภท ( จากพอใช้ไปถึงดีมาก ) คือ ลงทะลุหาง ลงงัด ลงฉีกขา
ผู้สันทัดกรณียังให้ความเห็นของไก่ลงตัวที่เก่งๆว่า ขนหัวจะต้องไม่ร่วง มุดเข้าท้องเร็ว คู่ต่อสู้ไม่รู้ตัว กลับตัวตีเร็ว สำหรับไก่ฉีกขาหรือที่เรียกว่า"ไถนา" พอมันมุดเข้าท้อง พอหัวทะลุขา ไหล่มันจะอยู่ระหว่างขาตัวยืน มันจะรีบบิดส่วนคอพร้อมกับยกตัวคู่ต่อสู้จนเสียหลักเดินโขยก เขยกขาเดียวเนื่องจากขาอีกด้านหนึ่งอยู่บนหลัง จากนั้นเจ้าตัวอยู่ล่างก็พาแบกเดินไถไปเรื่อยๆ นานบ้างเร็วบ้างแล้วแต่จะหลุด ถูกทำบ่อยคู่ต่อสู้ก็หมดแรงเป็นฝ่ายถูกตีอยู่ล่ำไป ไก่เชิงที่มีฝีมือแพรวพราว โดยเฉพาะมีลีลามากกว่า 3 เชิงขึ้นไปจะได้เปรียบคู่ต่อสู้ แต่ถ้ามีลีลาครบเครื่องหรือที่เรียกว่า " ไก่ทรงเครื่อง" ก็เชื่อขนมกินได้เลยหาผู้ไร้เทียมทานต่อกร แต่ก็หายากจริงๆ

ลูกตีและความหมาย
เหยี่ยวถลาลม=บินลอยตัวแล้วฟาดแข้งลง   ขย่มพสุธา=ขี่ทับ
ขย่มทั้งตัวแล้วตีพับแผ่นฟ้า=มัดขั้วปีก แล้วตีรวบตัว   ฟันแสกหน้า=ตีคิ้วแตกหรือยุบ
กระยางกินปลา=เท้าบ่า ยืดคอไปจิกตีหลัง   กระสางมหอย=ลงจิกขา
ควงสว่าน=กอด ล๊อคคอให้คู่ต่อสู้วิ่งวน   กุมภกรรณพุ่งหอก=แทงเข้าหน้าอก
หาวเป็นดาวเป็นเดือน=ตีเข้าคอเชือดจนอ้าปาก   ลักกินขโมยกิน=ลงซุ่มได้ทีแล้วโผล่ขึ้นมาตี
ม้วนธรณี=ตีปากล่างหัก หรือพับเข้าในปาก   พับเสื่อ=มัดปลายปีก แล้วตีรวบเข้าหัว เข้าตัว
แผ่ธรณี=ตีรวบเท้าเข้าอก ล้มทาบพื้นปีกกางออก   กกไข่=ตีตัวทรุด ย่อปีกกรอมแต่ยังไม่ล้ม
หักเหลี่ยมอินทรี=ตีเข้าปากบน ปากหรือดั้งหัก   ตีทัดดอกไม้=ตีข้างกกหู
จูงควายเทียมแอก=จิกหัวดึงแล้วตี   ส่งแขก=หรือไสกบ ตีหัวพุ่งไปข้างหน้า
แม็คโค=ตีหัวทิ่มพื้นยกไม่ขึ้น   ผีพุ่งใต้=ตีหักทะลึ่งพรวดพราดบินออกนอกสังเวียน
ขี้หักใน=ตีหัก แสดงอาการแบบเบ่งอึ   สักกระหม่อม=แทงบนหัวท้ายหงอน
จูงนางเข้าห้อง=จิกหงอนแล้วไล่ตี   ลมสลาตัน=ตีหักแล้วหมุน
ต่อหางเปีย=ตีหัวจนขนหัวลุกชัน   คลื่นใต้น้ำ=จิกใต้อกหรือใต้ปีก
ดับตะเกียง=ตีตาปิด มืด   ปากถึงตีนถึง=จิกแล้วตีเลย
ถล่มกองบัญชาการ=ตีหัวอย่างเดียวจนหัวบวม หัวแตก   ขอมดำดิน=มุดวิ่งหนีหรือซุกหัว
หนูไต่ราว=จิกหูในตี   กวางเหลียวหลัง=จิกหูนอกดึงให้หันหน้ากลับแล้วตี
กระหังติดปีก=ตีหัก กระโดดบินในสังเวียน เจ้าเมืองแผ่อำนาจ=เตะสาดแข้งเปล่า
ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย=ตีซ้ำติด ๆ กัน   ตีหัวเข้าบ้าน=ตีแล้วแอบซุก ได้จังหวะจึงขึ้นมาตีใหม่
ประสานแข้ง=ต่างจิกแล้วบินขึ้นตีพร้อมกัน

#24

การดูลักษณะไก่เก่งตอนเล็กๆ
1. ลูกไก่ตัวที่ชอบแตกฝูง หมายถึง ลูกไก่ตัวที่ไม่ค่อยอยู่กับฝูง เวลาแม่ของมันพาไปคุ้ยเขี่ยหากิน มันมักจะแยกตัวออกไปหากินห่างจากลูกของมัน เพราะโดยปกติแล้วลูกไก่เล็กๆมันจะคอยติดตามแม่ตลอดเวลา ยิ่งมีอายุมากขึ้น มันจะแยกตัวออกไปหากินห่างแม่ยิ่งขึ้น แสดงให้เห็นว่าลูกไก่ตัวนั้นมีจิตใจเข้มแข็งไม่กลัวใครตั้งแต่เล็กๆ ซึ่งเป็นลักษณะของไก่เก่งทุกตัว ที่มีจิตใจเป็นนักสู้ไม่กลัวใคร ข้อควรระวัง ลูกไก่ที่แยกตัวออกไปหากินห่างแม่ของมัน มักจะไม่รอดปากเหยี่ยว ปากกาและสัตว์ร้ายอื่นๆ เช่น หมา แมว ในกรณีที่ปล่อยเลี้ยงตามธรรมชาติ

2. ลูกไก่ตีหย่าแม่ ลูกไก่ชนโดยทั่วไป เมื่อมีอายุได้ 2-3 เดือน มันจะเริ่มตีกันเพื่อแย่งกันเป็นจ่าฝูง หลังจากนั้นแม่ของมันจะทิ้ง เราเรียกว่า ตีหย่าแม่
ข้อสังเกต เกี่ยวกับลูกไก่สายเลือดไทย พม่า และ เวียตนาม มีดังนี้

ลูกไก่สายเลือดไทย มักจะตีอย่าแม่กันนาน บางตัวถึงกับหนังหัวขาด หัวปีกขาด และสู้กันหลายวัน ดังนั้นต้องคอยระวังและจับแยกขังเดี่ยวสัก 1-2 อาทิตย์ ก็จะเลิกกันไปเอง
ลูกไก่สายเลือดพม่า มักจะตีหย่าแม่กันไม่นาน ส่วนมากจะตีกันครั้งเดียวก็เลิก และมักจะตีกันหน้าตาบวม จับขังแยกสัก 1-2 วัน พอแผลระบมก็จะแพ้กันไปเอง
ลูกไก่สายเลือดเวียดนาม (ไซง่อน) มักจะตีหย่าแม่กันไม่นานเหมือนกับไก่พม่า แต่ปากคม มักจะจิกกันจนหนังหัว หนังคอต้องคอยเย็บ
ลูกไก่ตัวใดที่ไม่ค่อยสู้ไก่ หรือสู้ไม่นานก็ยอมแพ้ ลูกไก่ตัวนั้นเมื่อโตขึ้นชั้นเชิงฝีตีนอาจมีตามสายพันธุ์ แต่จิตใจไม่ค่อยเต็มร้อย และมักจะเป็นไก่ที่สมบูรณ์ สวยงาม เพราะการเจริญเติบโตไม่หยุดชะงักเหมือนตัวที่ตีกันมากๆ และไม่ค่อยมีรอยตำหนิบริเวณหัวและหัวปีก ทั้งนี้ลูกไก่คอกหนึ่งๆจะไม่เก่งทุกตัว ด้วยเหตุนี้นักเลงไก่จึงนิยมเพาะไก่เอง เพราะได้รู้เหล่า รู้สายพันธุ์ รู้ลีลาชั้นเชิงในการชนของมันตั้งแต่ปู่ย่าตายาย และยังรู้นิสัยใจคอมันมาตั้งแต่เล็กๆ ไม่ใช่ดูแต่ความสวยงาม หรือลักษณะโหงวเฮ้งดี เพียงอย่างเดียว
อีกประการหนึ่ง การเพาะไก่เองยังได้รู้นิสัยใจคอของมัน ซึ่งแต่ละตัวไม่เหมือนกัน ตลอดจนความสมบูรณ์ของร่างกาย ไก่ที่ขี้โรคมาตั้งแต่เล็กๆโตขึ้นจะไม่เก่ง แม้ว่าจะมีลีลาชั้นเชิงดีขนาดไหนก็เป็นไก่เก่งไม่ได้ เพราะร่างกายไม่แข็งแรง ไก่เก่งต้องสมบูรณ์ทั้งร่างกายจิใจและฝีตีน
ลูกไก่ตัวใดที่มักจะสู้กับไก่ในฝูงทุกตัว เที่ยวเกะกะระรานเขาไปทั่ว ตีตัวหนึ่งแพ้แล้วจะไปตีอีกตัวหนึ่งจนชนะเขาหมดกลายเป็นจ่าฝูง ไก่ตัวนั้นถ้าอยู่รอดไม่แคระแกร็นหรือพิการไปเสียก่อน รับรองได้ว่าไก่ตัวนั้นมักเป็นไก่เก่ง ถ้ามีลูกไก่ที่กล่าวมา ให้รีบแยกออกมาขังเดี่ยวประมาณ 1-2 อาทิตย์ ก็จะเลิกตีกันไปเอง มิฉะนั้น ลูกไก่ตัวนั้นอาจจะพิการและเสียไก่ไปตั้งแต่เล็กๆ
ในการไปหาซื้อไก่ตามชนบท ที่มีไก่หนุ่มเป็นฝูงๆนั้น ให้เลือกซื้อไก่ตัวที่เป็นจ่าฝูงและมีรอยถูกตีแถวหัว หน้าตา โดยเฉพาะหัวปีก ถ้ามีรอยจิกยิ่งแสดงให้รู้ว่าไก่ตัวนั้นเชิงชนหัวลึก เวลาถูกกอดไม่หงายไพล่จึงถูกจิกหัวปีก ซื้อได้เลย รับรองไม่ผิดหวัง
ข้อสังเกตอีกอย่าง ไก่ที่เป็นจ่าฝูง มักมีขนาดเล็กกว่าไก่ตัวอื่นๆในฝูง เพราะในช่วงเล็กๆ ตีกับเขาไปทุกตัวเลยแกร็น ส่วนตัวใดที่สวยงามรอยโต หน้าตาไม่มีรอยขีดข่วน แสดงว่าไก่ตัวนั้นตอนเล็กๆ ใจไม่ถึงไม่ค่อยสู้ใคร เอาแต่กินจึงโตกว่าเพื่อน

3. ลูกไก่ตัวใดมักจะสู้ไก่ที่ใหญ่กว่า ไม่กลัวหมา กลัวแมว หรือไม่ค่อยกลัวอะไร แสดงให้รู้ว่าไก่ตัวนั้นใจเต็มร้อย โตขึ้นต้องเป็นไก่ที่มีจิตใจเป็นนักสู้ สู้ไม่ถอย ดูแลให้ดีอย่าให้ตีกับไก่ใหญ่ อาจเสียไก่ได้

4. ลูกไก่ที่เวลาเราจับมักดิ้น โดยเฉพาะเวลาจับปาก จับคอ จับคาง จับตุ้มหู มักจะดิ้นสะบัดหลุด หรือจิกเจ้าของ หรือคนจับ แสดงให้เห็นว่า ไก่ตัวนั้นมีจิตใจเป็นนักสู้ ไม่ยอมอะไรง่ายๆ มีความพยายาม เวลาตีจะเป็นไก่ไม่ยอมคู่ต่อสู้ ถือว่าจิตใจใช้ได้ หนีไม่เป็น

5. ลูกไก่ที่มักจะขันตั้งแต่อายุยังน้อย คือ อายุประมาณ 4-5 เดือน เรียกว่าแก่แดด มักเป็นไก่เก่งใจเกินร้อย คือ เป็นลูกไก่ที่พยายามจะเป็นไก่ใหญ่ หรือมีจิตใจเกินตัว เวลาสู้กับคู่ต่อสู้เป็นไก่ที่มีจิตใจทรหดอดทนหนีไม่เป็น
ลักษณะพฤติกรรมเด่นๆ ดังที่กล่าวมา มันเป็นเรื่องพันธุกรรม ที่ถ่ายทอดมาจากพ่อแม่ปู่ย่าตาทวดของมัน หรือยีนส์ที่แสดงออกถึงเทือกเถาเหล่ากอ แต่จะมีความเด่นมากน้อยแตกต่างกันออกไป ไม่เหมือนกันทุกตัว บางตัวมีมาก บางตัวมีน้อย และมีจุดเด่น จุดด้อยไม่เท่ากัน บางตัวจิตใจไม่เต็มร้อยแต่รูปร่างอาจสวยงาม บางตัวรูปร่างไม่สวยงามแต่มีจิตใจเต็มร้อย

ความลับของไก่เก่ง ถ้าสังเกตให้ดีจะพบว่ามันอยู่ในกมลสันดานของมันเองมาตั้งแต่เล็ก ทำไมไก่บางตัวมีลักษณะดีสวยงาม ทั้งใบหน้า รูปร่าง เกล็ด แข้งดี ถูกต้องตามตำราโหงวเฮ้งไก่เก่ง แต่ทำไม? จึงตีไม่เก่ง ไม่มีความพยายามในการต่อสู้ ส่วนใหญ่แล้วเพราะใจมันไม่สู้ ใจไม่ถึง พอถูกตีเจ็บ หรือถูกโต้เจ็บมักจะถอดใจง่าย ผิดกับบางตัว ยิ่งเจ็บยิ่งสู้ ยิ่งมีมานะ อาฆาต พยายามตีคู่ต่อสู้ให้เจ็บกว่า นอกจากนี้ไก่เก่งต้องเป็นไก่ฉลาด มีปฏิภาณไหวพริบในเชิงชนของมัน รู้จักหลบหลีกแก้เชิง หรือแก้ทางของคู่ต่อสู้ได้ สิ่งเหล่านี้เราไม่สามารถฝึกสอนมันได้ แต่มันจะมีของมันเอง
ไก่เก่งทุกตัว มักจะมี คุณสมบัติที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของมันเอง ไก่บางตัวอาจมีสติปัญญาเป็นเลิศเหนือคุณสมบัติอื่นๆทั้งหมด หรือไก่เชิงซึ่งจะมีลีลาชั้นเชิงในการต่อสู้เป็นเลิศ แต่คุณสมบัติในด้านความทรหดอดทนอาจจะน้อย ไก่บางตัวอาจจะไม่ค่อยฉลาดแต่จะมีคุณสมบัติในด้านความทรหดอดทนเป็นเลิศ มีพลังจิตหรือแรงฮึดสู้ได้จนลมหายใจสุดท้าย เรียกว่า ยอมตายคาสังเวียน
#25
ตัวหนังสือทำตัวเล็กตัวใหญ่เปลี่ยนสีได้นะครับ

ตัวหนังสือทำตัวเล็กตัวใหญ่เปลี่ยนสีได้นะครับ

ตัวหนังสือทำตัวเล็กตัวใหญ่เปลี่ยนสีได้นะครับ
#26
ไม่เข้าใจส่วนไหน ปรึกษาได้ตลอด25ชั่วโมงครับ..
092-6696542 หรือโพสถามไว้ในนี้เลยครับ..จะมาตอบให้ทุกข้อความที่สงสัย
#27
ถ้าใช้เว็ปผ่านมือถือ..อยากให้หน้าจอเหมือนกับใช้คอมพิวเตอร์ ก็สามารถเซ็ทง่ายๆตามภาพนะครับ..หวังว่าน่าจะเป็นสังคมเล็กๆสำหรับสมาชิกเก่าที่ยังคงคิดถึงมิตรภาพที่ดีต่อกัน..

 8)  8)  8) แล้วหน้าจอของเราจะเปลี่ยนเป็นเดสท๊อป
#28
 :-*  :-*  :-*   :o  :o  :o  ;D  ;D  ;D  :)  :)  :)

การโพสในเวปไก่ชน.คอมโดยมือถือ..
เนื่องจากผมกำหนดขนาดไฟล์ไว้ การแปลงภาพที่ดีที่สุดและขนาดภาพเล็กลงมากแต่ยังคมชัดอยู่คือดึงภาพกลับที่ท่านโพสในเฟสบุ๊คหรือพูดง่ายใช้เฟสบุ๊คนั้นและเป็นตัวลดขนาดภาพ
เมื่อท่านได้ภาพที่เตรีนมไว้  สังเกตได้ตามภาพเลยครับ
เริ่มด้วยเข้าไปในหมวเที่ต้องการโพส แล้วเลือกการกระทำของผู้ใช้ กด เริ่มหัวข้อใหม่..พิมขอความต่างๆ ถ้าจะใส่ภาพกดที่Attachments and other option //เมื่อได้ถาพที่เลือกแล้วกดอัฟโหลด..แล้วค่อยกดตั้งกนะทู้ #ก่อนอื่นต้องสมัครสมาชิกนะครับ สมัครฟรีเพราะกำหนดให้เฉาะสมาชิกที่โพสได้ ส่วนคนทั่วไปดูได้อย่างเดียวครับ
#29
 :-*  :-*  :-*  :-*
ความเป็นมาในระยะเริ่มต้น
#30
ส่วนวิธีย่อภาพที่ดีที่สุด เราก็โพสลงเฟสบุ๊คนี่แหละครับ และดาวน์โหลดรูปจากที่เราโพสกลับไว้ในเครื่อง จากตัวอย่างทั้ง2ไฟล์นี้  ขนาดไฟล์จริง1Mกว่า พอโหลดกลับจะเหลือไม่ถึง104K ซึ่งภาพก็ยังชัดเจนครับ ;D  ;D  ;D  ;D
#31
 ;D  ;D  ;D  ;D  ;D  ;D  ;D
ตัวอย่างดึงภาพใหญ่ๆจากเฟสบุ๊คกลับมาโพสนะครับ281455948_10224747884861636_2615528798239369905_n.jpg
#32
คลิกเพื่อสมัครสมาชิก

กดตามลิ้งค์นี้ได้เลยครับ
เมื่อสมัครสมาชิกก็เข้าไปแก้โปรไฟล์ของตัวเองด้วยนะครับ
เช่นใส่รูปภาพ และข้อมูลอื่นๆเพิ่มเติม

Social Link

https://web.facebook.com/pagekaichon
ท่านใดต้องการโฆษณาตำแหน่งนี้ จะเป็นการลิงค์ไปเพจเฟสบุ๊คของท่านหรือลิงค์ไปเว็ปไซด์ตนเอง-หรือไปยังสินค้าของท่านตามตัวอย่างนี้ ค่าบริการ1200/ปีเท่านั้น(เฉลี่ยเดือนละ100) สนใจติดต่อ-0926696542